เริ่มเขย่าตลาดตั้งแต่โค้งแรกของปี สำหรับหัวเว่ย ที่เสริมพอร์ตสมาร์ทโฟนในกลุ่ม Mass Target ด้วยการดึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่เคยจัดอยู่ในกลุ่ม Premium Segment มาเสิร์ฟไว้ในตระกูล Y Series ซึ่งจัดเป็นโปรดักต์ในกลุ่ม Entry Market ของหัวเว่ย ผ่านโมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง HUAWEI Y9 2018 เพื่อเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญสำหรับใช้ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในภาพรวม รวมทั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดสามารถขยายตัวได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เมื่อตลาดโตเต็มที่ ต้องเพิ่มด้วย Value
คุณทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ และ คุณชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย ให้ข้อมูลร่วมกันว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยขยายตัวได้ค่อนข้างเร็วและครอบคลุม ทำให้ปัจจุบันหากตัดผู้บริโภคในกลุ่มเด็กๆ ออกไป เชื่อว่าทุกคนต่างมีสมาร์ทโฟนกันแทบทุกคนแล้ว ทำให้การเติบโตของตลาดในปัจจุบันจึงอาจไม่หวือหวามากนักเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดก็ยังคงสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องทุกปีในระดับเล็กน้อยที่ราว 1 Digit และมีขีอสังเกตุได้ว่า การเติบโตในแง่ Value จะสามารถเติบโตได้ดีกว่าในเชิงปริมาณหรือจำนวนเครื่อง
ซึ่งหากพิจารณาให้ละเอียดลงไปอีก จะพบว่าตลาดที่มีขนาดใหญที่สุดยังเป็นเครื่องที่อยู่ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท ที่มีสัดส่วนรวมกันราว 70% ของตลาด ขณะที่ราคา 1.5 หมื่นบาทขึ้นไปจะอยู่ที่ 30% เท่านั้น โดยเฉพาะระดับราคา 3- 7 พันบาทที่ยังมีการเติบโตในระดับสูงมากกว่า 20-35% ส่วนในกลุ่มราคาที่ต่ำกว่า 3 พันบาท กลับเติบโตลดลงเกือบ 30% เลยทีเดียว
“สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่มีความพร้อมและยอมที่จะจ่ายมากขึ้น เมื่อได้เทคโนโลยีหรือฟังก์ชั่นที่ล้ำหน้าและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น โดยระดับราคาที่ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจจ่ายได้ง่ายจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 พันบาท ซึ่งตลาดในกลุ่มนี้เติบโตขึ้นถึง 35% ขณะที่ระดับราคา 3-5 พันบาท ที่มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งในกลุ่มสมาร์ทโฟนที่เป็น Entry Market มีการเติบโต 24% ส่วนในกลุ่มที่ราคาต่ำกว่า 3 พันบาท ซึ่งเป็นกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาถูกที่สุดในตลาดกลับเติบโตลดลงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แปลว่าการตัดสินใจของผู้บริโภคที่แม้ว่าจะอยู่ในตลาดของคนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟนก็ไม่ได้มองเพียงแค่เรื่องของราคามาเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อเท่านั้น”
หัวเว่ยคาดการณ์ทิศทางตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้ ก็ยังคงจะเติบโตในลักษณะเช่นเดิมต่อเนื่องในสิ้นปีนี้ คือ การเติบโตในระดับ 1 Digit โดยที่การเติบโตในเชิง Value ก็จะเติบโตได้ดีกว่า Volume เช่นเดิม ส่วนสิ่งที่หัวเว่ยทำเพื่อขับเคลื่อนให้ตลาดสามารถเติบโตและขยายตัวได้มากขึ้นคือ การนำเทคโนโลยีที่เคยอยู่ใน Premium Segment มาเสิร์ฟให้กับตลาด Affordable Market เพื่อให้ผู้บริโภคมองเห็นความคุ้มค่าและประโยชน์จากฟีเจอร์ที่ได้เพิ่มขึ้น และยอมที่จะควักเงินเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดสามารถที่จะขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งผู้บริโภคก็จะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นโอกาสให้เกิดการขยับมาสู่การใช้สมาร์ทโฟนในระดับราคาที่สูงขึ้นในอนาคตหรือเมื่อต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่เห็นได้ชัดเจน และเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนให้ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเติบโต
เสริม 3 แฟลกชิพฟีเจอร์มาขายในแมส
ขณะที่สินค้าหลักของหัวเว่ยในการเจาะกลุ่มตลาดผู้ที่เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟนหรือ Entry Product จะอยู่ในตระกูล Y Series ซึ่งจะมีจุดเด่นในการเป็นพอร์ตสินค้าที่ผู้บริโภคมีความสามารถที่จะเอื้อมถึงได้ (Affordable Price) ด้วยระดับราคาที่เริ่มต้นที่ประมาณ 3พันบาทเท่านั้น โดยโมเดลล่าสุดที่ได้แนะนำให้กับตลาดคือ HUAWEI Y9 2018 ซึ่งได้วางตำแหน่งไว้ที่ส่วนบนสุดของตลาด Entry Market ด้วย ราคาจำหน่าย 6,999 บาท โดยมาพร้อม 3 Unique Selling Point ที่เป็นการนำฟีเจอร์ของแฟลกชิพโมเดลมาใส่ไว้ในโปรดักต์กลุ่มนี้เป็นครั้งแรก และเชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคเห็นถึงความคุ้มค่า พร้อมทั้งตัดสินใจซื้อได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะหากเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ในรุ่นที่มีสเป็กในระดับเดียวกัน HUAWEI Y9 2018 จะมีระดับราคาถูกกว่าถึงประมาณ 1-2 พันบาท
สำหรับ 3 จุดขายเด่นๆ ของ HUAWEI Y9 2018 ประกอบด้วย
1. สมาร์ทโฟนที่มีกล้อง 4 ตัว มาพร้อมกล้องคู่ทั้งหน้าและหลัง ทำให้สามารถถ่ายภาพโหมดพอร์ตเทรทได้จากทั้งสองด้าน รวมทั้งกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงกว่า เพื่อตอบโจทย์อินไซต์กลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบการถ่าย Selfie รวมทั้งความฉลาดที่มากขึ้น เพราะสามารถแยกเพศของผู้ใช้งานได้ และเลือกโหมดเพื่อใช้ในการถ่ายภาพได้อย่างเหมาะสม
2. มาพร้อมหน้าจอ Full view HD Display พร้อมขนาดของจอที่เพิ่มขึ้น 12.5% ด้วยขนาด 5.93 นิ้ว พร้อม Security Feature ทั้งการปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า หรือฟังก์ชันสแกนลายนิ้วมือ รวมทั้งการตัดแสงสีฟ้าเพื่อความสบายตาในระหว่างการใช้งาน
3. ขนาดบรรจุแบตที่สูงถึง 4000 mAh ซึ่งเทียบได้กับคุณสมบัติของสมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง Mate 10 ทำให้ใช้งานได้นาน และสามารถแชร์แบตเตอรี่ให้กับโทรศัพท์เครื่องอื่นได้ในกรณีฉุกเฉิน จึงเป็นได้ทั้งโทรศัพท์และ Power Bank ได้ภายในเครื่องเดียว
นอกจากนี้ ยังได้จัดรายการส่งเสริมการขายสำหรับผู้สั่งจองระหว่าง 16-29 มีนาคมนี้ จะได้รับของสมนาคุณพิเศษ HUAWEI Body Fat Scale มูลค่า 2,990 บาท ซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นยอดขายแล้ว ยังเป็นการ Educated และสร้าง Awareness ให้กับไลน์อัพใหม่ๆ ของหัวเว่ยที่กำลังจะลอนช์ออกมาเพื่อเข้าสู่ Ecosystem ในระบบ IOT ในอนาคตอีกด้วย
“หัวเว่ยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีที่เคยอยู่ในเซ็กเม้นต์ราคาแพง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและจับต้องได้มากขึ้นในราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดดีมานด์ในตลาด และทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้ขยับมาเป็นเบสิคฟังก์ชั่นสำหรับสมาร์ทโฟนที่อยู่ในตลาด ส่วนในกลุ่มพรีเมียมหรือแฟลกชิพโปรดักต์ก็จะเกิดการพัฒนานวัตกรรมไปสู่เทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้นเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่ยกระดับเพิ่มมากยิ่งขึ้นต่อไป”
เดินเกม Digital Marketing + Omnichannel
กลุ่มเป้าหมายของ HUAWEI Y9 2018 จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ป็น Digital Natives คือ คนที่เติบโตมาพร้อมโลกดิจิทัลซึ่งจะมีพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์เป็นสื่อหลักในชีวิตประจำวัน ทั้งเพื่อเปิดรับข้อมูลข่าวสารหรือเพื่อกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ ทำให้ปีนี้หัวเว่ยจะให้ความสำคัญกับเรื่องของดิจิทัลมากขึ้นทั้งการทำตลาด และเพิ่มช่องทางขายออนไลน์ เพื่อปรับรูปแบบธุรกิจสู่การเป็น Omnichannel อย่างสมบูรณ์
ในส่วนของกิจกรรมการตลาดยังมีความแปลกใหม่และคิดนอกกรอบ ด้วยการใช้คาแรคเตอร์จากเพจดังบนโลกโซเชียล อย่าง JayTheRabbit และ คนอะไรเป็นแฟนหมี มาเป็นพรีเซนเตอร์ เนื่องจากสามารถสร้างสรรค์รูปแบบคอนเทนต์เข้ากับชีวิตประจำวันที่สามารถเข้าถึงคนไทยได้ทั้งกลุ่มที่เป็นคนโสด (JayTheRabbit) และกลุ่มคนที่มีคู่ (คนอะไรเป็นแฟนหมี) เพื่อชื่อมโยงระหว่างเพจและผู้ติดตาม รวมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภาพของ HUAWEI Y9 2018 ที่เป็นสมาร์ทโฟนที่อัดแน่นด้วยสเปคครบครันในราคาที่เข้าถึงง่ายที่สุด
ส่วนกลยุทธ์ Omnichannel เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์หัวเว่ยได้จากทุกๆ ช่องทางตามความต้องการอย่างทั่วถึง ทั้งในส่วนของการทำตลาดร่วมกับพันธมิตร อาทิ กลุ่มโอเปอเรเตอร์ หรือ Key Account ที่ช่วยจำหน่ายสินค้าให้ รวมทั้งการเปิด Official Store ในเว็บมาร์เก็ตเพลสต่างๆ อาทิ ลาซาด้า ช็อปปี้ หรืออีเลฟเว่นสตรีท ที่จะสามารถออฟเฟอร์ข้อเสนอต่างๆ ได้ไม่ต่างจากช่องทางออฟไลน์อื่นๆ รวมทั้งเริ่มพัฒนาระบบสั่งพรีออเดอร์สินค้าผ่านออนไลน์อีกด้วย ซึ่งการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากมีช่องทางเพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถสร้างประสบการณ์ต่างๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ทั้งการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือมีช่องทางในการทำโปรโมชั่นต่างๆ จากแบรนด์ส่งตรงไปสู่ลูกค้าได้มากขึ้นด้วย
“ในส่วนของเป้าหมายทางการตลาด หัวเว่ยยังเดินตามนโยบายที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนของประเทศไทยภายในปี 2020 ซึ่งผลการดำเนินในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเติบโตได้อย่างน่าพอใจ เพราะสามารถผลักดันทั้งยอดขายและมาร์เก็ตแชร์ให้เติบโตได้ถึง 3 เท่าตัว ขณะที่ภาพรวมตลาดเติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยจำนวนส่วนแบ่งในตลาดของหัวเว่ยที่ประกาศล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 10.7%”