เอสซีจี กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ พร้อมสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้าและผู้ใช้งานบรรจุภัณฑ์ หลังเปลี่ยนทิศทางการดำเนินธุรกิจครั้งใหญ่สู่การเป็น Total Packaging Solutions Provider คู่คิดทางธุรกิจที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร เน้นกลยุทธ์การดำเนินงานแบบ Customer-Centric เพื่อเพิ่มคุณค่าที่ดีกว่า (Passion for Better) โดยจับตามองเทรนด์บรรจุภัณฑ์เป็นหลัก ชี้ไลฟ์สไตล์ที่เน้นความสะดวกสบาย ใส่ใจสุขภาพ และความก้าวหน้าของดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมทั้ง E-Commerce ส่งผลต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์
รุกหน้าสร้างฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย ขยายการลงทุนด้านการวิจัยและนวัตกรรม ปรับปรุงช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว พร้อมสร้างและพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อรองรับโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคทั้งในไทยและอาเซียน
นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ได้ปรับเปลี่ยนทิศทางธุรกิจครั้งใหญ่จากเอสซีจี เปเปอร์ มาเป็นเอสซีจี แพคเกจจิ้ง เมื่อกลางปี 2558 เนื่องจากการมองเห็นแนวโน้มและโอกาสทางการตลาดของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงมีการเติบโตทั้งในไทยและในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีมูลค่าตลาดทั้งโลกในปี 2561 รวม 930,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 3 ในขณะที่ตลาดอาเซียนมีมูลค่า 50,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตประมาณร้อยละ 5 ซึ่งยังเห็นโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ประกอบกับการมองปัจจัยภายในของเอสซีจีเอง ที่มีความพร้อมทั้งในด้านการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งศักยภาพของพนักงานที่พร้อมจะขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่มีโจทย์ความต้องการที่หลากหลายแตกต่างกันไป จึงเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์โดยมุ่งเป็น Total Packaging Solutions Provider หรือผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเพื่อนคู่คิดทางธุรกิจที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร และสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าและผู้บริโภค ด้วยการปรับเปลี่ยนทุกกระบวนการให้สอดคล้องและตอบรับความต้องการ ตั้งแต่ระบบ
การคิด วิธีการทำงาน และการส่งมอบสินค้าและบริการไปยังลูกค้า”
เอสซีจี มีการเตรียมความพร้อมในการเข้าไปสู่ตลาดบรรจุภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ รวมถึงความท้าทายจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก การดำเนินธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เร็วและมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ โดยกลยุทธ์หลัก สำหรับการดำเนินธุรกิจคือ การทำงานแบบใกล้ชิดลูกค้า (Customer-Centric)
“ยิ่งเราใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เราเห็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น เพราะเราได้พบความท้าทายต่างๆ มากมาย เช่น เราได้พบว่าลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าบรรจุภัณฑ์ชนิดเดียวอีกต่อไป และเทรนด์ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเทรนด์ของไลฟ์สไตล์ที่น่าจับตามองของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มุ่งเน้นความยั่งยืน ที่มีส่วนช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมแนวทาง Circular Economy ตามเทรนด์ของความยั่งยืนที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ผู้บริโภคเน้นความสะดวกสบาย จึงส่งผลต่อการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย สะดวก ไม่เปลืองเวลา มีขนาดกำลังพอดี เน้นใส่ใจคุณภาพชีวิตและสุขภาพมากขึ้น บรรจุภัณฑ์จึงต้องปลอดภัยและมีมาตรฐาน และเทรนด์สุดท้ายคือ การเปลี่ยนแปลงของดิจิทัลแพลตฟอร์ม และการเติบโตของ E-commerce ที่ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป โดยหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้บรรจุภัณฑ์เติบโตไปด้วย สำหรับแนวโน้มกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ (B2B) เอง จะมุ่งเน้นทางด้านประสิทธิภาพการผลิตและด้านต้นทุน ธุรกิจจึงมีการพัฒนากระดาษที่มีแกรมบางลงในขณะที่คุณภาพแข็งแรงเท่าเดิม (Lightweight) และการออกแบบบรรุจภัณฑ์ลูกฟูกที่ช่วยลดเวลาในการจัดเรียงสินค้าขึ้นชั้นวางจำหน่ายในห้างร้าน และพร้อมใช้งานทันที ณ จุดจำหน่ายสินค้า ที่เรียกว่า Shelf-Ready Packaging นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับข้อมูล โดยเอสซีจีได้นำระบบดิจิทัลใหม่ๆ เข้ามาเป็นตัวเสริมให้กับธุรกิจของลูกค้าด้วย เช่น Data Analytic & Visibility ที่ช่วยบริหารจัดการผลิตให้กับลูกค้า ทำให้ข้อมูลมีความแม่นยำ ตรงเวลา ซึ่งทำให้เกิดการผลิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ของเอสซีจี ได้นำเทรนด์มาเป็นโจทย์สำคัญในการกำหนดทิศทางเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต พร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บรรจุภัณฑ์ โดยได้ลงทุนในกิจการบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายทั้งในประเทศไทยและอาเซียน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์กระดาษสัมผัสอาหาร บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัว (Flexible Packaging) และบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบแข็ง (Rigid Plastic Packaging) มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่า มาที่เอสซีจี จะมีบรรจุภัณฑ์มากมายให้คุณเลือกครบจบในที่เดียว (One-Stop Service) พร้อมทั้งมีการลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี (R&D) เพื่อให้ได้สินค้านวัตกรรมบรรจุภัณฑ์มาตอบโจทย์ลูกค้าและผู้บริโภคอยู่เสมอ รวมถึงความพยายามคิดแทนลูกค้าในการหาโซลูชั่นใหม่ๆ ให้กับลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าคุณภาพที่ดีขึ้น และมุ่งเน้นขยายหน่วยงานออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่สามารถให้คำปรึกษาลูกค้า ตั้งแต่การออกแบบโลโก้ตราสินค้า ตัวบรรจุภัณฑ์ที่จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ดิสเพลย์แสดงสินค้า สื่อส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย รวมทั้งออกแบบและจัดทำบูธแสดงสินค้า ช่วยสร้างนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น แตกต่าง และตอบโจทย์ด้านต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการได้ดียิ่งขึ้น
“พนักงานภายในเองก็ต้องมีความพร้อม กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ของเอสซีจี ได้จัดองค์กรที่เป็นไปเพื่อมุ่งตอบสนองลูกค้าเป็นสำคัญ การสร้างวัฒนธรรม Passion for better โดยการปลูกฝังเรื่อง Customer-Centric ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนการบริหารเพื่อให้ตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ดีขึ้นและชัดเจนขึ้น ตลอดถึงระบบการทำงานที่ปรับให้พนักงานมีความรู้และสร้างความร่วมมือระหว่างกันภายในบริษัทฯ (Collaborate) และการสร้าง Winning Mindset ให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดนอกกรอบ มองเห็นความท้าทายและโอกาสในสภาพธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมทั้งการปรับระบบงาน และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้มากขึ้น”
เอสซีจี พร้อมแล้วที่จะสร้างคุณค่าที่ดีกว่าด้านบรรจุภัณฑ์ให้กับลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องให้มากยิ่งขึ้นอย่างไม่มีข้อจำกัด เพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพ สร้างความสำเร็จและตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าทั่วอาเซียน