บริษัท เอกซ์โพเนนเชียล วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ร่วมกับ Singularity University (SU) ศูนย์รวมกลุ่มนักคิดและผู้นำด้านนวัตกรรมจากซิลิคอน วัลเลย์ ที่มุ่งให้ความสำคัญในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกต่างๆ ผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ได้ประกาศจัดงานสัมมนาเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ชื่อ SingularityU Thailand Summit 2018 โดยงานสัมมนาดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 20 มิถุนายน 2560 ณ โรงแรม InterContinental Bangkok กรุงเทพฯ
SingularityU Thailand Summit 2018 คือหนึ่งในกิจกรรมและโครงการที่ริเริ่มโดย บริษัท เอกซ์โพเนนเชียล วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด องค์กรที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันศักยภาพของประเทศไทยสู่การเติบโตและก้าวข้ามรูปแบบระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาด้านสังคมในปัจจุบัน
ดร.จอห์น เลสลี่ มิลลาร์ จาก บริษัท เอกซ์โพเนนเชียล วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด กล่าวว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี พศ. 2551 Singularity University ได้ทำหน้าที่เป็นพื้นฐานของชุมชนนวัตกรรมระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง”
“ด้วยการให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านบวกให้กับโลกผ่านกระบวนการคิดแบบก้าวกระโดด และการรับมือกับความท้าทายระดับโลก งานสัมมนา SingularityU จึงเป็นที่รู้จักในฐานะการเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและวิธีการแก้ไขที่แท้จริง”
“เป็นระยะเวลาเกือบทศวรรษ ที่กิจกรรมต่างๆภายใต้ SingularityU ได้รวบรวมบรรดาผู้นำและผู้เชี่ยวชาญแถวหน้ามาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการประชุมหรือโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาด้านเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่มีความหมาย และการลงมือทำอันจะก่อให้เกิดผลกระทบอันแท้จริงต่อธุรกิจ กลุ่มอุตสาหกรรม สังคม และชุมชนโลก”
สำหรับงานสัมมนา SingularityU Thailand Summit 2018 จะจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 2 วันเต็ม โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในวงกว้างด้วยการเปลี่ยนแปลงทางความคิดพื้นฐาน ซึ่งผลกระทบโดยรวมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะสามารถเปลี่ยนโฉมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันของมนุษย์
ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับฟังการพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ เช่น อนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) อนาคตของวงการแพทย์ยุคดิจิทัล อนาคตของอุตสาหกรรมพลังงาน รวมถึงอนาคตของอุตสาหกรรมการเงินและการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่างๆ ระดับโลก
ภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวงานสัมมนา ซึ่งจัดขึ้นที่ อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 ได้มีผู้บริหารระดับแถวหน้าในแวดวงธุรกิจของไทย จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, ธนาคารไทยพาณิชย์, ดีลอยท์ (Deloitte) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ให้เกียรติเข้าร่วมงาน
นาย ชานนท์ เรืองกฤตยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์มีวิสัยทัศน์และพันธะสัญญา ต่อการพัฒนาชีวิตของคนเมืองอย่างต่อเนื่อง”
“ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทุกวันนี้ ภาคการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กำลังเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากการย้ายถิ่นฐานของผู้คนในประเทศ และความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในการเข้าถึงข้อมูลที่มีคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ”
“ดังนั้น จุดมุ่งหมายอันสูงสุดคือการนำเทคโนโลยีที่มีผลกระทบอย่างก้าวกระโดดมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกๆ ด้าน ซึ่งจะต้องครอบคลุมทั้งความปลอดภัย ความรวดเร็วและความสะดวกสบาย ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย การเดินทาง การทำงาน สุขภาพและการเงินส่วนบุคคล”
นายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ บริษัทผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมทางการเงินกำลังถูกขับเคลื่อนและสั่นคลอนโดยเหล่าเทคโนโลยีที่มีผลกระทบอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น บล็อคเชน (Blockchain) ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) บิ๊ก ดาต้า (Big Data) ไปจนถึง ระบบ Quantum Computer (Quantum Computing System) ในฐานะผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ เรามีพันธสัญญาในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในอุตสาหกรรมการธนาคาร ผ่านนวัตกรรม การลงทุน และการสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ของไทยให้เติบโตไปพร้อมๆ กับธนาคารไทยพาณิชย์ การวิจัยและพัฒนาของเรามีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลในแง่การพัฒนาของการให้บริการต่างๆ และการยกระดับประสบการณ์ในการใช้บริการ ทั้งของธนาคารไทยพาณิชย์เอง และของลูกค้าธนาคารด้วยเช่นกัน”
“ในโลกของนวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีผลกระทบอย่างก้าวกระโดด มีหนึ่งคำถามที่ถูกตั้งขึ้นโดยผู้บริหารและผู้ประกอบการจำนวนมาก คือ ‘อะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป’”
ดร. แจนสัน แยป ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงระดับโลก และประธานฝ่าย Innovation Practice จาก ดีลอยท์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดีลอยท์ และ Singularity University (SU) ได้ทำงานร่วมกันเพื่อให้คำตอบและช่วยผู้นำทางด้านธุรกิจในการเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป – โดยเน้นนโยบายจากความคิดสู่การลงมือปฏิบัติจริง”
ด้าน ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า ในยุคที่นวัตกรรมเป็นแรงผลักดันอันสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาอันควรแก่ภาครัฐและเอกชนที่จะร่วมมือกันผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดผ่านเทคโนโลยีต่างๆ
“นอกจากนี้ ยังจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาพื้นฐานของแต่ละภาคส่วน เพื่อการเข้าถึงวิสาหกิจชุมชนและการบริการด้านสุขภาพ รวมถึงพัฒนาและขยับขยายบุคลากรด้านดิจิทัลในทุกระดับเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีที่มีผลกระทบอย่างก้าวกระโดด” ดร.ณัฐพล กล่าวเสริม
“สำหรับประเทศไทย ถึงเวลาแล้วที่เราจะใช้ประโยชน์จาก ‘ไทยแลนด์ 4.0’ โดยการปรับเปลี่ยนวิธีการคิดในเชิงกลยุทธ์ไปสู่แนวทางที่ใช้ได้จริงสำหรับการรับมือกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ ในอนาคต” ดร. มิลลาร์ กล่าวเพิ่มเติม “ถึงเวลาแล้วสำหรับพวกเราในฐานะชุมชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องตระหนักถึงศักยภาพของเราและยกระดับตัวเราเองให้ไปไกลกว่าการเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของภูมิภาค”
“อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนแรกที่ต้องดำเนินการคือการมีส่วนช่วยผู้นำและผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนให้เข้าใจว่า เทคโนโลยีที่มีผลกระทบอย่างก้าวกระโดดคืออะไร เหตุใดสิ่งนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้พวกเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตได้ด้วยแนวทางการคิดอย่างก้าวกระโดด”
ดร. ศุภชัย ปาจริยานนท์ จาก SingularityU Bangkok Chapter และผู้ก่อตั้ง RISE หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ให้เกียรติเข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้เช่นกัน
ดร. ศุภชัย กล่าวว่าจุดประสงค์ของงานสัมมนา SingularityU Thailand Summit 2018 คือการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยการตั้งคำถามใหม่ๆ เกี่ยวกับผลกระทบของนวัตกรรมที่มีต่อประสิทธิภาพการผลิต อุตสาหกรรมต่างๆ บุคลากรในองค์กร รวมถึงด้านนโยบายสาธารณะ
“ความมุ่งหมายของเราสำหรับงานสัมมนาครั้งนี้ คือการเห็นภาพเปรียบเทียบ ‘ก่อนและหลัง’ ของทั้งประเทศไทยและเทศอื่นๆ”
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นตัวริเริ่มให้เกิดโครงการนำร่องใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศไทยต่อไปในอนาคต” ดร. ศุภชัย กล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ งานสัมมนา SingularityU Thailand Summit ได้รับการสนับสนุนจากหลากองค์กร ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, ธนาคารไทยพาณิชย์, ดีลอยท์ (Deloitte), สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA), Startup Thailand, และองค์กร Young Presidents’ Organization (YPO) ประจำประเทศไทย
ตัวอย่างรายนามผู้เข้าร่วมสัมมนา
– เดวิด โรเบิร์ตส์ รองประธานกรรมการ จาก Singularity University และหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้าน เทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และมีผลกระทบอย่างก้าวกระโดด
– จอห์น เฮเกิล ประธานร่วมของ World Economic Forum’s Global Future Council on the Future of Platforms and Systems และ ประธานร่วมของ Deloitte Center for the Edge
– แดเนียล คราฟท์ ประธาน Singularity University’s Exponential Medicine และ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ประจำ Stanford และ Harvard
– วิเวียน หมิง นักประสาทวิทยาศาสตร์เชิงทฤษฎี และผู้ร่วมก่อตั้ง Socos บริษัทที่รวบรวมเทคโนโลยีแมชชีน เลิร์นนิ่ง (Machine Learning) ประสาทวิทยาศาสตร์เชิงปัญญา (Cognitive Neuroscience) และระบบเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ทั้งในด้านการศึกษา และการทำงาน
– ราเมซ นาม นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ นักอนาคตศาสตร์ นักลงทุน Angel Investor และผู้ประพันธ์เจ้าของรางวัลมากมาย
– แมนดี้ ซิมป์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจากบริษัทที่ปรึกษา Cyber Toa
– นาแธเนียล คาลฮูน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ Singularity University’s Global Solutions Program (GSP) และรองประธาน Global Grand Challenges
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานสัมมนาและการจำหน่ายบัตรเข้าร่วมงานสัมมนาได้ที่ เว็บไซต์ของ SingularityU Thailand Summit 2018 http://www.singularityuthailandsummit.org/