แม้ว่าละครบุพเพสันนิวาส เพลานี้จะอวสานลงในวันที่ 11 เมษายนนี้แล้ว แต่กระแสความแรงของละครไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ แถมช่อง 33 ขอยื้อเวลาเรียกเรตติ้งกับเม็ดเงินโฆษณาต่อไปอีกนิด เพราะเตรียมตอนพิเศษอีก 3 ตอน ที่เป็นการเล่าเรื่องที่มาที่ไปของตัวละคร และเนื้อหาบางตอนที่ไม่ได้ออกอกาศ แค่นั้นไม่พอ ช่อง 33 ขอเรียกเรตติ้งให้พีคสุดๆ ในวันที่ 11 เมษายนนี้ ด้วยการจัดอีเวนต์พิเศษ “ฟินข้ามภพ ตอนจบแห่งชาติ” ให้บรรดาแฟนคลับมาชมตอนจบ พร้อมกับนักแสดงที่โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ที่สยามพารากอน และการจัดกิจกรรมพิเศษ อาทิ Meet & Greet กับบรรดานักแสดง
ก่อนที่จะส่งไม้ต่อไปยังละครพีเรียด “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ละครอีกเรื่องที่ช่อง 33 คาดหวังเรียกเรตติ้งไม่แพ้กัน แต่ยังไม่ว่า “แต้ว-เจมส์ จิ” จะพาละคไปไกลได้แค่ไหน
ด้วยความร้อนแรงและกระแส “ออเจ้า” นับตั้งแต่เริ่มสตาร์ทจนถึงปัจจุบัน ได้ทำเอาบรรดานักแสดงนำ “โป๊ป-เบลล่า” และนักแสดงรองต่างๆ อู้ฟู่กันไปตามๆ กัน เพราะมีอีเวนต์ให้ออกงานแทบทุกวัน แต่ละงานที่ออกก็ทำเอาสถานที่จัดงานแทบแตก จากแบบบรรดาแฟนคลับและแฟนละคร ความแรงไม่ได้หยุดแค่นั้นส่งอานิสงค์ไปถึงเหล่าบรรดานักแสดงสมทบบทอื่นๆ อีกด้วย เพราะมีสินค้าหันมาใช้กลยุทธ์ Viral Marketing สร้างสรรค์คลิปด้วยการนำเนื้อหาละคร มาปรับให้เข้ากับของสินค้าหรือแคมเปญการตลาด สร้างกระแสผ่านโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เรียกยอดไลท์ยอดแชร์กันมหาศาล
โดยแบรนด์ที่ออกทำคลิปวิดีโออย่างจริงจัง จับกระแสของละครบุพเพสันนิวาสที่กำลังร้อนแรงสุดๆ คือ ค่ายเอไอเอส ที่ส่งคลิปวิดีโอออกมาแล้วรวม 6 เรื่องตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม กับเรื่องแรก “ฟินเวอร์ – ข้าอยากกินหมูกระทะฟินๆ” ที่เรียกยอดวิวไปกว่า 2.45 ล้านวิว จนถึงเรื่องล่าสุด “คิวท์บอยแรปโย่ โอ้วว้าว – จ้อยจัดแรปชุดใหญ่” ที่มียอดวิวกว่า 4.4 แสนวิว แต่หากนับรวมทั้ง 6 เรื่องน่าจะมียอดวิวรวมไม่ต่ำกว่า 12 ล้านวิว
แต่ละเรื่องที่เอไอเอส ทำคลิปออกมาเป็นการสื่อสารในคีย์แมสเสจสำคัญๆ ในเรื่องของคุณภาพสัญญาณ อาทิ เอไอเอสสัญญาณแรงข้ามภพข้ามชาติ, เอไอเอสสัญญาณแรงดีไม่มีสะดุด และสัญญาณดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านสถานการณ์ต่างๆ ของตัวละครที่ต้องพบเจอ แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างให้เกิดขึ้นใหม่ แต่ก็ไม่ได้หนีไปจากเนื้อหาสาระหลักของละคร ถือเป็นการนำเอาคอนเทนต์ที่มีความแข็งแกร่ง มาขยายความและสอดแทรกคีย์แมสเสจทางการตลาดได้อย่างดีและน่าสนใจเลยทีเดียว
ล่าสุด แบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติไทยแท้อย่าง “มิสทิน” ก็เอากับเขาด้วย ปล่อยวิดิโอคลิป โฆษณา ภายใต้แคมเปญเรื่อง “มิสทินสันนิวาส น้ำลดตอผุด” เพื่อสร้างยอดขายสินค้า อายไลน์เนอร์ แถมพ่วงด้วยแคมเปญ “โปรออเจ้า” กับการรับสมัครสมาชิกและการให้สิทธิประโยชน์กับสาวจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น “หม้อสุกี้ชาบู” หรือ “เบี้ยอัฐรวม 10,000 บาท” ถือเป็นกลยุทธ์ที่มิสทินต้องการเพิ่มยอดขายและจำนวนสมาชิกสาวมิสทินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยส่วนผสมของ ความสนุกสนานของเนื้อหาคลิป การใช้บทพูดเหมือนในละครที่เป็นภาษาโบราณ บวกความน่ารักทั้งตัวแสดงหลักอย่าง “เบลล่า” ที่มีแอคชั่นกับบรรดาบ่าวคนสนิทและบ่าวในบ้านแบบน่ารักน่าชัง ทำให้เนื้อหาเป็นที่ถูกใจผู้ที่ได้ดู เพียงปล่อยคลิป วิดีโอ ผ่านชาแนล Mistineclub เมื่อวันที่ 4 เมษายนจนถึงวันที่ 7 เมษายนมีผู้ชมไปแล้วกว่า 7 หมื่นวิว แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น เมื่อมีการแชร์คลิป วิดีโอไปยังชาแนลอื่นๆ เมื่อวันที่ 5 เมษายนถึงวันที่ 7 เมษายน ยอดผู้ชมก็พุ่งไปมากกว่า 1.2 ล้านวิวเลยทีเดียว
จริงๆ แล้วกลยุทธ์การให้สิทธิประโยชน์กับผู้ที่สมาชิกใหม่ ด้วยของรางวัลหรือเงินสด ไม่ใช่เรื่องใหม่ของมิสทิน เพราะแคมเปญลักษณะนี้ถูกใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่มีรายละเอียดของรางวัลที่แตกต่างกันไป ซึ่งครั้งนี้ “มิสทิน” ขออิงกระแสละครบุพเพสันนิวาส เหมือนกับที่แหลายแบรนด์ทำจนประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดเทรนด์การตลาดที่ต้องจับกระแสการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่รวดเร็ว ตามกลยุทธ์ Real Time Marketing
ขณะที่หนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ “มิสทิน” ใช้มาโดยตลอด คือ กลยุทธ์ พรีเซ็นเตอร์ หรือ Endorser ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า “มิสทิน” เป็นเจ้าพรีเซ็นเตอร์เลยทีเดียว เพราะแต่ละปีมีบรรดาศิลปิน นักแสดง หรือ นักร้อง พาเหรดเข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์นับสิบคนเลยทีเดียว เพราะ “ดนัย ดีโรจน์วงศ์” ซีอีโอของมิสทิน ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าหลากหลายตั้งแต่สาววัยรุ่น ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ จึงต้องมีการใช้พรีเซ็นเตอร์ในสินค้าที่แตกต่างและหลากหลายในแต่ละเซ็กเมนต์ ปีที่แล้วยังเจาะตลาดกลุ่มผู้ชายครั้งแรกด้วยการนำเอา “อ๊อฟ ปองศักดิ์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย
หลังจากคลิปวิดีโอชุดนี้แล้ว นางเองอย่าง “การะเกด” ก็จะเป็นหนึ่งในบรรดาพรีเซ็นเตอร์ของมิสทินคนต่อไปด้วย โดยจะเข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า อายไลน์เนอร์ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมการผลิตภาพยนตร์โฆษณา
โป๊ป กับภารกิจปั้น True Point & Pay ใน “พี่หมื่นพาฟิน #ขายดีร้านแตก ทรู เถ้าแก่ 4.0” เล่าเรื่องการที่พระเอกเป็นฝ่ายข้ามภพข้ามชาติมาปัจจุบัน และต้องนั่งฟังนางเอกของเรื่องแก้ปัญหาธุรกิจ ซึ่งเมื่อใช้โซลูชั่นจากแอปพลิเคชั่นของทรูแล้วก็ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น
ปิดท้ายด้วยคลิปจากเซเว่น อีเลฟเว่น ที่ใช้เมนูอาหารของแม่การะเกดมาเป็นไฮไลท์ ขยี้สโลแกน “หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” ด้วย “น้ำปลาหวาน” ซึ่งเรียกเสียงท้องร้องให้ผู้ชมมาแล้วช่วงละครฉาย ประกอบกับอาหารอื่นๆ ของเซเว่นฯ
“บุพเพสันนิวาส” นับว่าเป็นละครที่กระแสแรงที่สุด โดยคว้าเรตติ้งสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าสู่ยุคทีวีดิจิทัล จนตัวละคร ผู้จัดและช่อง 3 เองได้อานิสงห์จากความโด่งดังนี่ไปด้วย ก็คงต้องจับตาดูต่อไปว่า คำพูดที่ว่า “คนไทยลืมง่าย” จะทำให้ความนิยมในตัวดาราเหล่านี้ จะทำให้แบรนด์ที่คว้าตัว โป๊บ และ เบลล่า มาเป็นพรีเซนเตอร์จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีเหมือนดั่งใจหมายหรือไม่