ที่บ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร มีภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างหนึ่งซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน นั่นก็คือ “การย้อมคราม” ซึ่งต้องอาศัยทั้งภูมิประเทศ ภูมิอากาศที่เหมาะสม ในการปลูก “ต้นคราม” และเทคนิคการย้อมสีคราม ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นอาชีพของชุมชน ที่โดดเด่น สีและกระบวนการผลิตครามของที่นี่จึงไม่เหมือนท้องถิ่นอื่น จากเรื่องราวนี้เองที่ ทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ของ King Power ค้นพบว่า ภูมิปัญญาดังกล่าวมีประเด็นน่าสนใจ น่าจะสามารถหยิบยกมาต่อยอดเป็นสินค้าที่วางจำหน่ายในระดับโลกได้ จนเป็นที่มาของ Indigo Collection สินค้าที่ระลึกพิเศษของทีมเลสเตอร์ ซิตี้
เสน่ห์ “คราม” Limited Edition ในตัวเอง
“คราม” เป็นต้นไม้ใบสีเขียว เมื่อนำมาผ่านกรรมวิธีสกัดและย้อมอย่างถูกวิธี จะได้สีฟ้าอ่อนจนถึงสีนำ้เงินเข้ม ที่สีสังเคราะห์ไม่อาจทำได้ วิธีการดังกล่าวมีปรากฏในหลายๆ วัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีซ โรม เอเชีย แต่ก็มีความแตกต่างในรายละเอียดของแต่ละท้องถิ่น ในประเทศไทยเป็นที่นิยมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบสกลนคร
และดูเหมือนว่า เอกลักษณ์ในเรื่องสีนี่เองที่ตอบโจทย์ เพราะสีฟ้าจนถึงน้ำเงินเข้มนี่สอดคล้องกับเฉดสีของทีมสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และสีของแบรนด์ King Power ที่สำคัญก็คือ “เสน่ห์ของคราม” ซึ่งผ้าทำมือแต่ละชิ้น จะมีดีเทลที่ต่างกัน ไม่มีตัวไหนที่มีลวดลายและสีสันเหมือนกันเป๊ะ ทำให้ถึงแม้ว่าผ้าแต่ละชิ้นจะถูกออกแบบภายใต้แพทเทิร์นเดียวกัน สินค้าที่ออกมาก็จะมีความเป็น Limited Edition ในตัวเอง
ด้วยเรื่องราว สีสัน และเอกลักษณ์นี่เอง ที่ทำให้ King Power ส่งทีมดีไซน์เนอร์เข้าไปเรียนรู้ พัฒนาสินค้าร่วมกับชุมชนบ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร
Design Thinking ใช้เวลานาน แต่ยั่งยืน
โปรเจ็กท์นี้กว่าจะสำเร็จลุล่วงใช้เวลานานราว 2 ปี เพราะกระบวนการเริ่มจากทีมงาน 3 ชีวิต เข้าไปเรียนรู้วิธีการทำสีคราม เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนทั้งหมด ก่อนที่จะนำมาออกแบบเป็นสินค้า ที่ใส่ความโมเดิร์น และมีฟังก์ชั่นที่ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ประกอบไปด้วย เสื้อ T-Shirt ลายปัก, เสื้อ T-Shirt ลายสกรีน, เสื้อโปโล, หมวกแก็ป, หมวกไหมพรม, กระเป๋าใส่ของ และผ้าพันคอ
ถึงไอเดียของทีมงานจะมีมากมายแต่ก็ใช้วิธีการเลือกว่าจะผลิตไอเท็มไหนก่อนจาก สินค้าที่คาดว่านักเตะของเลสเตอร์ ซิตี้ใช้จริง เพื่อให้แฟนบอลได้เห็นว่านักฟุตบอลที่ตนชื่นชอบใช้ แล้วใช้ตาม
“นักฟุตบอลเวลาเดินเข้าสนาม เขาก็จะมีอุปกรณ์ของแต่งตัวของพวกเขา ซึ่งปกติเขาก็จะมีกระเป๋าของเขา ทีนี้เราก็ออกแบบสินค้าที่เป็นคอลเกลชั่นของสโมสรให้เขาใช้ เวลาเขาถือ แฟนบอลเด็กๆ ที่มายืนรอขอลายเซ็นหรือดักรอถ่ายรูปก็จะเห็นไปด้วย” คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อธิบายเพิ่มเติม ถึงวิธีคิดที่มีทั้งเรื่องของดีไซน์ การวางแผนประชาสัมพันธ์ เพื่อให้โปรดักท์ขายได้จริง
ในส่วนของการวางจำหน่าย ยังมีการนำเสนอเรื่องราวของแหล่งที่มาใส่ Stroytelling เพื่อทำให้แฟนบอล เข้าใจและอินไปกับสินค้า
นอกเหนือจากคอลเลกชั่นที่คลอดออกมาให้เห็นและวางจำหน่ายอยู่ที่ร้านค้าขายของที่ระลึกประจำสโมสร(The City Fanstore at King Power Stadium)แล้ว ทีมงานของ King Power ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่รอปล่อยออกมาในลำดับต่อไป เพราะการเข้าไปพัฒนาสินค้าในครั้งนี้เป็นการทำงานในระยะยาวร่วมกันระหว่าง ทีมครูช่างศิลปหัตกรรม ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ และทีมนักออกแบบของบริษัท
พลังคนไทย จ่อคิวลุยตลาดโลก
การขับเคลื่อนของ King Power ในครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกของความพยายามที่จะผลักดันสินค้าท้องถิ่นของไทยไปสู่ผู้บริโภคระดับโลก ก่อนหน้านี้ King Power มีโปรเจ็กท์มากมายที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเข้าไปให้ความรู้เรื่องการพัฒนาสินค้า ออกแบบบรรจุภัณฑ์ การตลาด และสนับสนุนเรื่องช่องทางการจัดจำหน่าย เพิ่มมูลค่าให้กับภูมิปัญญาไทย
รวมทั้งความพยายามในเรื่องของ Indigo Collection ก็ต้องต่อยอดไปอีก โดยเฉพาะในเรื่องของปริมาณการผลิต ที่มีข้อจำกัดเรื่องครามซึ่งเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ
“ผมคิดว่า คอนเซ็ปท์ที่นำเอาของจากท้องถิ่น เข้ามาที่กรุงเทพ และก็ส่งต่อมาที่ระดับโลก เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ”
คุณอัยยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย