หุ้นของ Netflix ทะยานเหนือ Walt Disney Co. เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ครองตำแหน่งบริษัทบันเทิงที่มีมูลค่ามากที่สุดจากการผลิตภาพยนตร์ ทีวีและสวนสนุกยักษ์ใหญ่ของโลก
หุ้นของบริการวิดีโอสตรีมรายนี้เพิ่มขึ้น 2% แตะที่ 351.48 ดอลลาร์ในนิวยอร์กและตัวเลขยอดการตลาดของบริษัทวิ่งเข้าใกล้ 152,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งเกินดุลของดิสนีย์ที่ลดลง 1.6% ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg
การเติบโตครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่นักลงทุนมีต่ออนาคตของบริการวิดีโอสตรีมมิ่งออนไลน์แบบชำระเงิน ที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้ มูลค่าของ Netflix เพิ่มขึ้นจากประมาณ 2หมื่นล้านเหรียญเมื่อช่วงสิ้นปี 2014 สู่การแซงหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสื่อที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกอย่าง Comcast Corp. และล่าสุดกับ Disney ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตามรายได้ของ Netflix ยังคงต่ำกว่ารายได้จากสื่อต่างๆ Comcast เป็นผู้ให้บริการเคเบิลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นบริษัทแม่ของ NBCUniversal ซึ่งเป็นเจ้าของสตูดิโอภาพยนตร์ เน็ตเวิร์คทีวี และสวนสนุก ที่มีรายได้รวม 84,500 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว ส่วน Disney มีรายได้ที่ 55,100 ล้านเหรียญในปี 2017 พร้อมทั้งเป็นเจ้าของ ABC และ ESPN สองเครือข่ายโทรทัศน์ที่มีมูลค่าที่สุดในสหรัฐฯ รวมทั้งสวนสนุกและรีสอร์ทชื่อดัง
รายได้ของ Netflix คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 38% สู่ระดับ 16,100 ล้านเหรียญในปีนี้ โดยอิงจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เนื่องจากบริษัทมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นสำหรับบริการวิดีโอสตรีมมิ่งที่มีความต้องการสูงขึ้นทั่วโลก โดยจำนวนสมาชิก ณ วันที่ 31 มีนาคม มีทั้งสิ้น 125 ล้านคน
The Los Gatos บริษัทสตรีมมิ่งในแคลิฟอร์เนียใช้งบประมาณร่วมพันล้านเพื่อดึงดูดผู้ชมใหม่ๆ ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่นักวิเคราะห์บางราย Netflix มีแผนจะปล่อยภาพยนตร์และโชว์มูลค่าประมาณ 8 พันล้านเหรียญในปี 2018 และคาดว่าจะมีกระแสเงินสดติดลบประมาณ 3 ถึง 4 พันล้านเหรียญ
นักลงทุนยังสามารถให้อภัยการผลาญเงินอย่างสูญเปล่าได้อยู่ตราบเท่าที่บริษัทยังคงเติบโต Netflix เป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานสูงสุดใน S&P 500 ในปีนี้ และเป็นผู้นำในดัชนีในช่วงสามปีที่ผ่านมา ขณะที่ Disney ลดลงประมาณ 5.5% ในปีนี้ และ Comcast ลดลง 21%
ดิสนีย์ตอบโต้ภัยความร้อนแรงของบริการสตรีมมิ่ง โดยการย้ายโปรแกรมต่างๆ ไปสู่ออนไลน์มากขึ้น บริษัทเปิดของตัวเอง เพื่อบริการสมัครสมาชิก ESPN บนเว็บและมีแผนที่จะเพิ่มข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีก ส่วน Comcast ได้เริ่มขายบริการ Netflix ให้เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจเคเบิ้ล
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ชี้ให้เห็นว่า บริษัทเจ้าของแพล็ตฟอร์มออนไลน์ ที่มีจุดยืนสร้างสรรค์คอนเทนท์ด้วยครีเอทีฟเป็นจุดขายสำคัญ ก็สามารถแจ้งเกิดกลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าแซงบริษัทที่มีอายุ 95 ปี โดยที่ตัวเองไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์แบบ Physical (ถึงแม้มีข่าวว่า Netflix กำลังจะสร้าง/ซื้อ โรงภาพยนตร์ของตัวเอง เพื่อทำให้ผลงานภาพยนตร์ที่ตัวเองผลิตขึ้นมามีสิทธิ์ส่งชิงรางวัลกับเขามั้งก็เถอะ) ไม่น่าแปลกใจเลยว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นชื่อทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Apple, Amazon, Sony, Alibaba จึงมองว่าธุรกิจสร้างสรรค์สื่อหรือแพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่งของตัวเอง เป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและทุ่มงบหลายพันล้านเหรียญในเค้กก้อนนี้
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM