ตัวเลขการใช้งบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลในปีนี้ ประเมินว่าน่าจะพุ่งสูงถึง 14,330 ล้านบาท หรือเติบโต 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งที่มีอยู่กว่า 12,400 ล้านบาท แม้ว่าสัดส่วนการใช้เม็ดเงินดังกล่าวจะยังเทียบไม่ติดกับการใช้เม็ดเงินผ่านสื่ออื่นๆ เพราะว่าสัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลคิดเป็นเพียง 14% ของการใช้เม็ดเงินผ่านสื่อโฆษณาโดยรวมกว่า 1 แสนล้านบาท ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลทั่วโลก มีสัดส่วนถึง 40% สามารถแซงสื่อโทรทัศน์ได้แล้ว โดยมีสัดส่วน 36% และเชื่อว่าเทรนด์ของประเทศไทยเองก็เดินตามแนวทางเดียวกับกระแสโลกเช่นกัน
Facebook ครองแชมป์ เม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลไทย
โดยในปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลมากที่สุด ยังคงเป็น Facebook ในสัดส่วน 33% มูลค่า 4,084 ล้านบาท รองลงมาเป็น Youtube สัดส่วน 17% มูลค่า 2,105 ล้านบาท ตามมาด้วยการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ สัดส่วน 11% มูลค่า 1,034 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่ใช้งบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลมากที่สุด คือ กลุ่มรถยนต์ ด้วยสัดส่วน 10% มูลค่า 1,289 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธุรกิจมือถือและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ สัดส่วน 10% มูลค่า 1,195 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร ด้วยสัดส่วน 7% มูลค่า 847 ล้านบาท
ข้อมูลและตัวเลขต่างๆ ดังกล่าวเป็นเม็ดเงินที่ผ่านบริษัทเอเจนซี่โฆษณา ที่ผู้ประกอบการใช้บริการ แต่ยังไม่นับรวมกับกลุ่มผู้ประกอบการหรือเจ้าของสินค้า ที่ซื้อสื่อโฆษณาเองโดยตรงกับสื่อดิจิทัล ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีเม็ดเงินมหาศาลเหมือนกัน โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการ SMEs ที่มีอยู่จำนวนมาก ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่ได้สำรวจสำมะโนธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรมและข้อมูลการจัดตั้งธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในปี 2560 พบว่ามีจำนวนผู้ประกอบการกว่า 3 ล้านราย เพิ่มขึ้น 8.63% จากปี 2559 ที่มีจำนวนกว่า 2.76 ล้านราย
3 คำถามพื้นฐาน เดาพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภค ดักทางซื้อสื่อ
ปัญหาของการทำตลาดออนไลน์หรือการซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลของผู้ประกอบการ SMEs ส่วนใหญ่ยังพบว่า เป็นเรื่องการทำการตลาดและโฆษณาที่ไม่ตรงกับกลุ่มลูกค้า บางครั้งยังไม่รู้ว่าจะต้องมีกระบวนการ หรือวิธีการอย่างไร ที่จะทำให้โฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด บางครั้งลงโฆษณามากไป และบางครั้งไม่ได้ลงโฆษณาในสิ่งที่ลูกค้าต้องการอยากรู้
คุณศิวัตร เชาวรียวงษ์ CEO,GroupM (Thailand) และนายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำตลาดดิจิทัล ได้บรรยายในหัวข้อ “จับทิศ รู้ทาง การตลาดดิจิทัล” ภายในงานสัมมนา “Digital Marketing สร้างทีมหรือจ้างทำ” ที่จัดขึ้นโดยธนาคารกรุงเทพ โดยให้คำแนะนำในการทำ Digital Marketing และการซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลว่า ต้องตอบ 3 คำถามดังนี้ให้ได้ คือ
1.WHAT สินค้าของเราคืออะไร ลูกค้าต้องการข้อมูลอะไรบ้าง ในการซื้อสินค้าของเรา
2.WHERE ลูกค้าจะหาข้อมูลเหล่านั้นได้ที่ไหน
3.HOW เราจะมีวิธีการเปลี่ยนความคิดของเขาได้อย่างไร ซึ่งคือวิธีการทำโฆษณาและการตลาด
“ความลำบากของธุรกิจไทย คือ ความไม่เข้าใจโฆษณาดิจิทัล ไม่รู้ว่าอะไรต้องทำ ไม่รู้ว่าอะไรไม่ต้องทำ บางทีไปทำในสิ่งที่ลูกค้าไม่ได้ใช้ หรือบางครั้งก็ทำน้อยไป จึงควรเริ่มต้นตั้งคำถามจาก what สินค้าเราคืออะไร และข้อมูลที่ลูกค้าต้องการคืออะไร เสร็จแล้วลูกค้าจะหาข้อมูลเหล่านั้นได้จากที่ไหน บางข้อมูล อาจจะใช้วิธี search จาก google บางข้อมูลก็อ่านจากบล็อกเกอร์ บางข้อมูลดูในเว็บ ก็นำข้อมลสินค้าไปไว้ตรงนั้น ในฐานะพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจ เราจะเข้าไปเปลี่ยนความคิดของเขาได้อย่างไร นั่นคือการทำโฆษณา ถ้าตอบคำถามเซ็ทนี้ได้ เราจะรู้ว่าจะใช้เครื่องมืออะไรในการโฆษณาสินค้า ใช้เครื่องมืออะไรในการทำการตลาด และเครื่องมืออะไรที่เข้าถึงลูกค้า”
ความท้าทายของโลกยุคดิจิทัลที่ผู้ประกอบการ SMEs เผชิญอยู่ในทุกวันนี้ เป็นผลจากสื่อดิจิทัลเข้ามาส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปอาหารแล้วแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย การสร้าง community เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์หรือความชื่นชอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง การเลือกซื้อสินค้าที่จะต้องมีการหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ หรือแม้แต่การสร้างอาชีพที่ 2 ที่เกิดจากใช้ประโยชน์ของโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
“การทำการตลาดออนไลน์หรือซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัล ถ้าคิดอะไรไม่ออก ให้ดูว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน พฤติกรรมเป็นอย่างไร และไปตอบสนองความต้องการของลูกค้าตรงนั้น คือจะต้องเข้าใจลูกค้าของตนเองก่อน การเปลี่ยนแปลงของดิจิตอลไม่ได้เกี่ยวอะไรกับธุรกิจท่านเลย ถ้าไม่ไปกระทบลูกค้า ที่ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งส่งผลให้เราจะต้องเปลี่ยนตาม ส่วนทิศทางในอนาคตสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมตัว คือ การมีระบบฐานข้อมูล และการจัดเก็บฐานข้อมูลของลูกค้า เพื่อนำมาเชื่อมกับวิธีการทางการตลาด ซึ่งปัจจุบันในการคิดและตัดสินใจยังเป็นคน ต่อไปในอนาคตคอมพิวเตอร์จะเข้ามาช่วยคิดและตัดสินใจ จากระบบข้อมูลที่มีอยู่” คุณศิวัตร เชาวรียวงษ์ กล่าวในตอนท้าย