กสิกรไทย ประกาศทิศทางการนำ Data Analytics มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มลูกค้าธนาคารฯ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆให้ตรงใจลูกค้าได้มากที่สุด โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชั่น K PLUS ล่าสุด กสิกรไทย เดินแต้มต่ออีกหนึ่งขั้นในการให้บริการกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ด้วยการนำเสนอสินเชื่อ SME บน K PLUS กับคอนเซปต์ที่โดนใจ ไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่ต้องยื่นเอกสาร และ 1 นาทีได้รับเงิน
สุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าในอดีตปัญหาอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีไทย ส่วนใหญ่ คือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือสินเชื่อ เพราะเอสเอ็มอีไม่มีข้อมูลทางการเงินเพียงพอให้ธนาคารเพื่อพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ทั้งยังไม่มีหลักประกัน ไปจนถึงขาดการวางแผนทางการเงิน สุดท้ายทำให้เอสเอ็มอี ขาดเงินทุนหมุนเวียน ส่งผลให้ธุรกิจชะงัก และสร้างความเสียหายทางธุรกิจตามมาในที่สุด
ขณะเดียวกันขั้นตอนการขอสินเชื่อจากธนาคารปกติก็ค่อนข้างจะมีความยุ่งยาก ต้องผ่าน 7-8 ขั้นตอนเลยทีเดียว คือ ติดต่อ หาหลักประกัน ประเมินหลักทรัพย์ พิจารณาและแจ้งผล ทำสัญญา จดจำนองหลักประกัน และสุดท้ายเอสเอ็มอีถึงได้รับเงิน
ประกอบกับแนวโน้มพฤติกรรมของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยที่หันมาทำธุรกรรมการโอน จ่าย ซื้อสินค้าผ่าน แอปพลิชันกันมากขึ้น ทำให้กสิกรไทยมีข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้ามากขึ้นและสามารถวิเคราะห์และนำเสนอสินเชื่อ SME ผ่านแอป K PLUS ได้
สุดล้ำใช้เทคโนโลยีอนุมัติ เคาะวงเงินสินเชื่อ SME
สุรัตน์ กล่าวว่าบริการฯดังกล่าว ถือเป็นโมเดลใหม่ในการพิจารณาสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอี โดยใช้ Data Analytics เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เช่น ข้อมูลด้านเงินฝาก การใช้เครดิต และข้อมูลจากแอปพลิเคชัน K PLUS เป็นต้น เพื่อประเมินหาความต้องการด้านการเงิน และนำเสนอสินเชื่อผ่านแอป K PLUS โดยเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้ธนาคารรู้ว่า ต้องนำเสนอสินเชื่อให้ใคร และนำเสนอ เมื่อไหร่ ที่ตรงกับช่วงเวลาที่ต้องการ และ จำนวนเท่าไหร่ ที่เพียงพอสำหรับความต้องการของธุรกิจลูกค้า
ขณะที่การขอรับสินเชื่อเอสเอ็มอีผ่านมือถือนี้ ยังย่นระยะเวลาจาก 8 ขั้นตอนการขอรับสินเชื่อในปัจจุบัน เหลือเพียง 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1.ลูกค้าเลือกข้อเสนอ 2.ธนาคารพิจารณาอนุมัติ 3.ลูกค้าคลิกตกลงรับสินเชื่อ โดยเงินจะโอนเข้าบัญชีลูกค้าทันทีภายใน 1 นาที ให้วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักประกัน และไม่ต้องยื่นเอกสาร
สำหรับเงื่อนไขที่ใช้วิเคราะห์เพื่ออนุมัติวงเงินสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีนั้น จะดูเกณฑ์มากกว่า 300 เรื่อง ซึ่งมาจากพฤติกรรมต่างๆของบุคคลนั้นๆ เช่น การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บัญชีเดินสะพัด การเข้า ออก ของบัญชี เป็นต้น ที่ระบบจะทำหน้าที่เก็บบันทึกข้อมูลเอาไว้และนำมาประมวลผล
“เทคโนโลยีที่ธนาคารนำมาใช้มีความสามารถในการวิเคราะห์ด้านพฤติกรรมทางการเงิน และเก็บข้อมูลลูกค้าได้แม่นยำกว่า ว่าคุณเป็นใคร จากดาต้าที่ไหลเข้าออกทุกวัน ทั้งการทำธุรกรรมต่างๆบนแอปพลิเคชัน K PLUS โดยกสิกรไทยได้เปิดให้บริการนี้ไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยส่งข้อเสนอสินเชื่อให้กับ SME จำนวน 1,000 ราย ซึ่งมีสัดส่วนถึง 76% ที่ตอบกลับมาว่าสนใจในบริการนี้” สุรัตน์ กล่าว
ลดต้นทุนการทำงาน ดันดอกเบี้ยต่ำ
ผู้บริหารกสิกรไทย เสริมว่า การพิจารณาสินเชื่อรูปแบบใหม่นี้เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อได้มากกว่า 50% ทีเดียว เนื่องจากมีการวิเคราะห์พฤติกรรมต่างๆ ของลูกค้า ที่จะมองเห็นทั้งเงินเข้าออกที่ชัดเจน เป็นการประมวลผลผ่านข้อมูลจริง ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก ไมโครเอสเอ็มอี พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่มีการเดินบัญชีสม่ำเสมอและมีวินัยทางการเงินที่ดี มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งกลุ่มไมโครเอสเอ็มอีเหล่านี้ จะสามารถเติบโตและกลายเป็นเอสเอ็มอีขนาดเล็ก และกลางต่อไปในอนาคต ที่จะเป็นฐานลูกค้าของธนาคารต่อไป
นอกจากนี้ในส่วนของสินเชื่อ SME ผ่านแอป K PLUS ยังมีอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ และเหมาะสมกับเอสเอ็มอี คือระหว่างอัตรา MRR+3% ถึง MRR+9% ซึ่งนับว่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการขอวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านบัตรเครดิตจะอยู่ที่ 18% และบริการบัตรกดเงินสดจะอยู่ที่ราว 28%
สำหรับบริการฯดังกล่าว กสิกรไทยวางเป้าหมายปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีผ่านมือถืออยู่ที่ 3,000 ล้านบาท คาดว่าสามารถให้บริการกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีราว 6,000 ราย นับว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของธนาคารที่จะเปลี่ยนโฉมอนาคตโลกการเงินดิจิทัลให้ง่ายยิ่งขึ้นบนปลายนิ้ว