คิมโค (KYMCO) แบรนด์ผู้นำในตลาดรถสกู๊ตเตอร์ไต้หวันมาต่อเนื่องถึง 18 ปีติดต่อกัน เจ้าของส่วนแบ่งตลาด 40% และยังส่งออกรถสกู๊ตเตอร์ไปทำตลาดอีกกว่า 100 ประเทศ ใน 5 ทวีปทั่วโลก กับเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น ด้วยการขยับฐานะจาก Local Company สู่การเติบโตในระดับ Global จากการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กับเทรนด์โลกและพฤติกรรมในการขับขี่ของผู้คนในปัจจุบันได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสร้าง Brand Awareness ให้เป็นที่จดจำและได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะผู้ผลิตรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจากไต้หวัน
เมื่อ EV ไม่ใช่อนาคต แต่เป็นปัจจุบัน
อัลเลน โค Chairman of the KYMCO Group ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คิมโคมองเห็นและเข้าใจเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้เริ่มพัฒนารถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกในตลาดมาไม่ต่ำกว่า 20 ปีแล้ว และพยายามพัฒนาโปรดักต์ให้ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการขับขี่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสถานีชาร์จต่างๆ เพื่อรองรับการขับขี่ รวมทั้งทำความเข้าใจ Consumer Insight เพื่อนำมาปรับปรุงในโมเดลใหม่ๆ ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
“หากย้อนหลังไปประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลายคนคงมองว่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเป็นตลาดในอนาคตที่น่าจับตา และมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ แต่ในปัจจุบันตลาดนี้กลายมาเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญ และมีการใช้งานอยู่แพร่หลายในหลายประเทศ โดยเฉพาะในจีนที่มีจำนวนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคัน และยังมีอัตราการเติบโตได้ดีในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งในไต้หวัน และอินเดีย และแม้ว่าจะมีการพัฒนาจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ถือว่าได้เป็นช่วงที่ตลาดมีความพร้อมและสามารถเติบโตได้ดีมากที่สุดแล้ว”
สำหรับปัจจัยสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้ตลาด EV เบ่งบาน จนอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าต่างๆ สามารถเข้ามาทดแทนยานพาหนะในรูปแบบเดิมๆ ได้โดยไม่ยากนัก มาจากความพร้อมใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี 2. ความพร้อมของตลาดและผู้บริโภค และ 3. มาจากการสนับสนุนและผลักดันจากภาครัฐที่มีส่วนสำคัญในการกำกับนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งในมุมมองของ อัลเลค โค นั้น เห็นว่าช่วงเวลาในปัจจุบันนี้ เป็นเวลาที่ทั้ง 3 ปัจจัยข้างต้น มีความพร้อมและสามารถเติบโตแบบถึงขีดสุดในเวลาเดียวกัน จึงเป็นโอกาสที่ดีและเหมาะสมในการเร่งขับเคลื่อนการทำตลาดรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ โดยภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้น คือ
1. ด้านเทคโนโลยี แม้ว่าตลาดจะเริ่มพัฒนาและมองเห็นถึงความสำคัญของยายนต์ไฟฟ้ามาไม่ต่ำกว่า 20-30 ปี แต่ต้องถือว่าได้รับความนิยมและสนใจจริงๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะการพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีทำให้เริ่มมีความพร้อมสำหรับการนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ตลาดเริ่มเข้าใจและตอบรับยานพาหนะประเภทนี้มากขึ้นเช่นกัน
2. ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มให้ความสำคัญกับการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการได้ช่วยดูแลโลก พร้อมทั้งตระหนักและจะให้การสนับสนุนเรื่องของ Go Green ต่างๆ เพิ่มขึ้น ทำให้พร้อมที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการลดผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้
3. ขณะที่รัฐบาลในหลายๆ ประเทศ จากที่ก่อนหน้าอาจจะแค่สนับสนุนหรือช่วยรณรงค์ผลักดันให้ใช้ Green Product ต่างๆ แต่ขณะนี้เริ่มมีมาตราการที่เข้มข้นมากขึ้นมาบังคับใช้ เช่น ในอินเดียที่จะระงับการใช้ยานพาหนะที่ใช้น้ำมันภายในปี 2030 รวมถึงในไต้หวันเองที่จะระงับการใช้ยานพาหนะที่ใช้น้ำมัน ภายในปี 2035 ทำให้หลายๆ แห่งเกิดการตื่นตัวในการมองหายานพาหนะที่ใช้ไฟฟ้ามาทดแทนยานพาหนะในรูปแบบเดิมๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากผลดีเรื่องมลพิษทั้งทางอากาศหรือเสียงที่ลดน้อยลงแล้ว ยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของเมืองนั้นๆ อีกด้วย
ionex โมเดลสร้างตลาดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้านอกไต้หวันของคิมโค
จากการพัฒนาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อทำตลาดในไต้หวันมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ทำให้คิมโคมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนารถสกู๊ตเตอร์เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและการขับขี่ของผู้คนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเข้าใจปัญหาหรือ Pain Point ต่างๆ ในการใช้งานรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาความกังวลใจเกี่ยวกับแบตเตอรี่ ทั้งการหาสถานที่ชาร์จ การต้องรอระยะเวลาให้ชาร์จจนเต็ม ซึ่งล้วนแต่เป็นอุปสรรคในการขับรถไปในระยะทางไกลๆ และโอกาสในการขยายตลาดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั้งสิ้น นำมาสู่การเปิดตัวโมเดลใหม่อย่าง ionex จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ KYMCO New Many 110 EV รถสกู๊ตเตอร์ที่โดดเด่นด้วยสไตล์ Retro ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ และ KYMCO Nice 100 EV ที่จะสามารถดึงดูดผู้บริโภคในวงกว้างได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้รถจากพลังงานไฟฟ้า
รถสกูตเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งตามแผนผลิตภัณฑ์รถพลังงานไฟฟ้าของคิมโคในอนาคตระยะใกล้ โดยคิมโคเตรียมที่จะเปิดตัวรถสกู๊ตเตอร์คุณภาพเยี่ยมรวม 10 รุ่น ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อพลิกโฉมตลาดสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากไต้หวัน ซึ่งมีการใช้งานรถสกู๊ตเตอร์หนาแน่นที่สุดในโลก โดยคาดว่าจะสามารถขยายตลาดไปในประเทศต่างๆ ได้ประมาณ 20 ประเทศ ในอีก 3 ปี โดยเฉพาะการโฟกัสตลาดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก พฤติกรรมในการขับขี่ของคนในย่านนี้ไม่แตกต่างจากไต้หวันมากนัก รวมทั้งความนิยมในการใช้มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะหลัก ประกอบกับการมีผังเมืองต่างๆ ที่เหมาะกับการขับขี่มอเตอร์ไซต์
“หลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นประเทศที่ทางคิมโคให้ความสนใจรวมทั้งประเทศไทยด้วย เนื่องจาก เป็นตลาดที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ รวมทั้งผู้คนในประเทศที่คุ้นเคยกับการขี่มอเตอร์ไซค์กันอยู่แล้ว โดยในปัจจุบันคิมโคมีสำนักงานต่างประเทศในแถบนี้อยู่ใน 3 ประเทศ คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ หากจะขยายตลาดมาก็อาจจะเริ่มจาก 3 ประเทศนี้ก่อน โดยเชื่อว่าโมเดล ionex มีศักยภาพในการช่วยขยายตลาดและจะสร้างการยอมรับจากผู้บริโภคในแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี พร้อมกลยทุธ์ในการขับเคลื่อนที่ชื่อว่า WIN My Heart คือ ความสามารถในการเอาชนะใจผู้บริโภคผ่านความแข็งแรงของแบรนด์ใน 3 ด้าน คือ ความโดดเด่น (Distinctions) ความภาคภูมิใจ (Pride) และความมุ่งมั่นตั้งใจ (Persistence) ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่นำพาให้คิมโคก้าวไปได้ไกลและกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก”
ionex เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในไต้หวัน ด้วยราคาที่ทำให้ตลาดตื่นเต้นและได้รับความสนใจจากดีลเลอร์ในประเทศเป็นอย่างมาก โดยรุ่น New Many 110 EV ราคา 42,800 เหรียญไต้หวัน, New Many 110 EV with Noodoe หรือมาพร้อมกับเทคโนโลยีเนวิเกเตอร์ ราคา 47,800 เหรียญไต้หวัน และรุ่น Nice 100 EV ราคาเพียง 29,800 เหรียญไต้หวันเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายๆ จุดเด่นและแตกต่างจากสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบบเดิมๆ ซึ่งจะทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการเข้ามาเป็นโมเดลที่จะเข้ามาทดแทนการขับขี่แบบเดิมๆ อาทิ
1. ในเรื่องของสมรรถนะที่ ionex ไม่แตกต่างไปจากรถที่วิ่งในเมืองโมเดลอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด แต่มีจุดเด่นที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษและไม่มีเสียงรบกวน ทำให้สามารถขับเข้ามาในอาคารได้ โดยมีอัตราเร่งที่ราว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเหมาะสมสำหรับการขับขี่ในเมือง รวมทั้งอรรถประโยชน์ใช้สอยต่างๆ เช่น พื้นที่ในการเก็บของที่กว้างกว่า เพราะไม่ต้องมีถังน้ำมันมาแชร์พื้นที่บนตัวถัวของรถ
2. จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์คือ สามารถยกแบตออกมาเปลี่ยนได้โดยสะดวกจากบริเวณที่พักเท้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ รวมทั้งในขณะที่ชาร์จแบตอยู่นั้น รถยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ เพราะมีแบตเตอรี่หลักที่ติดมาไว้ในเครื่องด้วย จึงสามารถใช้งานได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ชาร์จเต็มก่อน
3. ใช้แบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักเบามากเพียง 5 กก. ทำให้ผู้ขับขี่สามารถถือแบตเตอรี่ออกมากเพื่อชาร์จไฟฟ้าในบ้านในช่วงกลางคืนได้อย่างสะดวก รวมทั้งสามารถชาร์จได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นในร้านกาแฟ ร้านค้าทั่วไป หรือแม้แต่แท่นชาร์จสาธารณะ ไม่ต่างจากการชาร์จโทรศัพท์มือถือ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องของระยะทางในการขับขี่
4. เพื่อความสะดวกคิมโคได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าไว้อย่างครอบคลุม โดยมีจำนวน 1,500 สถานี ตั้งแต่วันแรกของการส่งมอบสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไอโอเน็กซ์คันแรก และจะเพิ่มเป็น 2,000 แห่ง ในปีหน้า ดังนั้นผู้ขับขี่สามารถเช่าแบตเตอรี่แบบแบ่งปันที่ถอดเปลี่ยนได้สำหรับการเดินทางระยะไกล นอกจากนี้ ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า คิมโคจะมีจุดชาร์จไฟฟ้าแบบแบ่งปันมากกว่า 30,000 แห่ง เพื่อขจัดความกังวลด้านระยะทางที่ผู้ขับขี่อาจรู้สึกให้หมดไป
5. ionex ทุกคันจะมาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่หลัก 5 ปีและรับประกันมอเตอร์ไฟฟ้า 10 ปี ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ใช้งานจะไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูง จึงมีบริการรับประกันแบตเตอรี่เช่าใช้ส่วนบุคคลตลอดอายุการใช้งาน การเช่าใช้งานรายเดือนที่มาพร้อมระยะทางขับขี่ 1,000 กม. มีค่าใช้จ่ายเพียง 10 เหรียญสหรัฐเท่านั้น
ด้วยจุดเด่นและความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ คิมโคจึงเชื่อมั่นอย่างมากว่า ionex จะเป็นโมเดลที่จะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนให้คนทั่วไปหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามากขึ้นแทนการขับขี่ยานยนต์ในรูปแบบดิมๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่ชื่นชอบรถในสไตล์ Retro และยังตอบโจทย์การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแก้ปัญหาเรื่องความกังวลใจหรือไม่สะดวกต่างๆ เกี่ยวกับแบตเตอรี่ไว้ได้แทบจะครบถ้วน ขณะเดียวกันยังเป็นต้นแบบของยานพาหนะสำหรับเมืองแห่งอนาคตอีกด้วย