สร้างชื่อจนได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องคุณภาพและรสชาติ จนทำให้ “โทฟุซัง” เติบโตเป็นแบรนด์เจ้าตลาดนมถั่วเหลืองพาสเจอร์ไรซ์ได้สำเร็จ เพราะสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างไปจากแบรนด์หลักๆ ที่ทำตลาดมาก่อนหน้า จนปัจจุบันสร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 300 ล้านบาทเลยทีเดียว
และแม้โทฟุซังจะค่อนข้างแข็งแรงในตลาดเดิมอยู่แล้ว จากการเติบโตต่อเนื่องจนต้องเพิ่มกำลังผลิตและขยายโรงงานมาเกือบทุกปี แต่หากเปรียบเทียบตลาดนมโดยรวมที่มีมูลค่ามากกว่า 6 หมื่นล้านบาทแล้ว ตลาดนมถั่วเหลืองก็ยังต้องถือว่ามีขนาดที่เล็กกว่านมวัวอยู่มาก ด้วยมูลค่าในตลาดประมาณ 1.5 -1.7 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
เพิ่มโอกาสจากตลาดใหม่ที่ใหญ่ขึ้น
ทั้งจากขนาดของตลาดนมวัวที่ใหญ่กว่านมถั่วเหลือง รวมทั้งการ Educated ของตลาดและผู้บริโภคทำให้เริ่มมีผลิตภัณฑ์เข้ามาเป็นทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนมพรีเมี่ยมซึ่งเป็นตลาดที่ยังคงมีการเติบโตในระดับที่ดีได้ถึงกว่า 30% ขณะที่ภาพของตลาดนมโดยรวมกลับไม่มีการเติบโตมากนัก
ประกอบกับหลังจากโทฟุซังลงทุนสร้างโรงงงานแห่งใหม่ นอกจากจะทำให้มีกำลังผลิตมากพอสำหรับรองรับการเติบโตแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับศึกษาพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตต่างๆ เพื่อต่อยอดสู่การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาป้อนตลาดได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างการเติบโตในอนาคตจากการมีผลิตภัณฑ์หลายๆ กลุ่มมากกว่าที่มีการทำตลาดอยู่แล้วในปัจจุบัน
คุณสุรนาม พานิชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทฟุซัง จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีลูกค้าสอบถามถึงผลิตภัณฑ์นมในกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากนมถั่วเหลืองที่เป็น Core Product ของโทฟุซังอยูเสมอ ทำให้มองเห็นโอกาสในการขยายตลาด โดยเฉพาะในตลาดนมพรีเมี่ยมที่สามารถเติบโตได้ดี น่าจะมีโอกาสให้แบรนด์ใหม่ๆ เข้าไปแชร์ส่วนแบ่งในตลาดได้ไม่ยากนัก
รวมทั้งจากการศึกษาข้อมูลงานวิจัยจะพบว่าคนไทยส่วนใหญ่ 99.99% ต่างมีอาการแพ้นมวัว หรือจะเรียกว่าทุกคนก็ได้ เพียงแต่ว่าระดับอาการและความรุนแรงจะแตกต่างกันไป บางคนอาจจะท้องเสีย ท้องอืด เรอ ผายลม เนื่องจากในระบบย่อยไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยแลคโตส โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใหญ่ หรือคนที่หยุดดื่มนมไประยะเวลาหนึ่ง ทำให้เอนไซม์ย่อยแลคโตสหมดไปเมื่อกลับมาดื่มใหม่ก็จะมีอาการแพ้ได้ ทำให้โทฟุซังตัดสินใจที่จะเข้ามาทำตลาดนมวัว U.H.T. ในกลุ่ม Lactose Free เพื่อให้ทุกคนสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะแพ้
เป็นที่มาของการแตกแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ Essentially (เอสเซ็นเชียลลี) ซึ่งเป็นการขยายตลาดเข้ามาในกลุ่มนมวัวที่เป็น Lactose Free ของโทฟุซังเป็นครั้งแรก แต่ยังคงเลือกที่จะเดินเกมเช่นเดียวกับที่โทฟุซังประสบความสำเร็จมาแล้ว นั่นคือ ชูจุดเด่นในเรื่องของโปรดักต์ที่แข็งแรง และพยายามทำให้ลูกค้ามีโอกาสได้ทดลองดื่มให้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าถ้าลูกค้าได้ทดลองดื่มจะมีโอกาสซื้อรับประทานต่อเนื่องได้สูง เพราะจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างและรสชาติที่ดีได้นั่นเอง
“จุดแข็งของเราคือสินค้า ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ด้วยการคัดเลือกแม่วัวที่เลี้ยงจากฟาร์มปิดในเชียงใหม่ และยังได้มาตรฐานการเลี้ยงและบริหารจัดการแบบ Happy Cow รวมทั้งอัตราปนเปื้อนแบคทีเรียบริเวณเต้านมที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึงกว่า 10 เท่า ทำให้ได้น้ำนมวัตถุดิบคุณภาพสูงและจะมีรสชาติที่ดี ซึ่งผู้บริโภคจะรู้สึกได้เมื่อได้ทดลองดื่ม ประกอบกับระดับราคาที่วางไว้ในระดับที่ต่ำกว่าแบรนด์เดิมในตลาดที่จำหน่ายประมาณ 20-40 บาท แต่ Essentially วางราคาไว้ที่ 19 บาท โดยจะเริ่มนำร่องด้วย 2 รสชาติ คือ รสธรรมชาติ และไขมันต่ำ”
ทั้งนี้ คาดว่าจะได้เห็น Essentially เริ่มทำตลาดได้ในราวปลายเดือนกรกฏาคมนี้ โดยจะนำร่องด้วยการวางจำหน่ายผ่านเซเว่นอีเลฟเว่นประมาณ 3 เดือน ก่อนจะทยอยวางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศหลังจากนั้น โดยประเมินการผลิตเพื่อรองรับการทำตลาดในช่วงแรกไว้ที่ประมาณ 2 ล้านกล่องต่อปี และมีแผนที่จะเริ่มทำตลาดส่งออกไปพร้อมกันด้วย ซึ่งจะเริ่มจากกลุ่มตลาดเดิมที่ทางโทฟุซังทำตลาดอยู่แล้วก่อนจะค่อยๆ ขยายไปสู่ประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคต
เพิ่ม Shelf Life – เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ เร่งตลาดส่งออก
ขณะที่ฟากของแบรนด์หลักอย่างโทฟุซัง ได้พัฒนานวัตกรรมในระบบการผลิตจนทำให้สามารถขยายระยะเวลาในการจัดเก็บสินค้า (Shelf Life) นมถั่วเหลืองแบบพาสเจอร์ไรซ์ได้ยาวขึ้นถึง 1 ปีเต็ม จากที่ก่อนหน้าจะมี Shelf Life ประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น ทำให้เป็นผลดีต่อการขยายตลาดส่งออกได้อย่างเต็มที่มากขึ้น จากที่ก่อนหน้าจะส่งไปขายได้แค่ในประเทศที่ไม่ไกลมากนัก แต่จากการพัฒนาในครั้งนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่จะทำให้โทฟุซังสามารถเติบโตได้มากยิ่งกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เราสามารถทำได้และจะทำให้โทฟุซังกลายเป็นแบรนด์นมถั่วเหลืองพาสเจอไรซ์บรรจุในขวดพลาสติกเพียงรายเดียวในตลาดที่มีอายุในการเก็บรักษาได้ยาวนานถึง 1 ปี จากการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรูปแบบใหม่ที่ทำให้สินค้าเก็บได้นานขึ้น โดยที่คุณสมบัติและรสชาติต่างๆ ยังคงเดิม ซึ่งจะช่วยให้เราบุกตลาดส่งออกได้อย่างเต็มที่ สามารถขยายตลาดไปในประเทศไกลๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะหมดอายุก่อน พร้อมทั้งจะเริ่มทำการ Educated สินค้าไปในประเทศต่างๆ อย่างจริงจังมากขึ้น และเชื่อว่าในอนาคตสัดส่วนส่งออกของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบัน 99% ของยอดขายยังมาจากตลาดในประเทศเป็นหลัก”
นอกจากนี้ โทฟุซังมีแผนที่จะยกเลิกการใช้บรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด ทั้งที่ทำตลาดในประเทศและสำหรับส่งออก โดยจะเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่ที่เป็นขวดพลาสติกทั้งหมดในทุกขนาดไม่ว่าจะเป็น 180, 225, 320, 350 และ 830 มิลลิลิตร เพื่อความสะดวกที่มากขึ้นทั้งในเรื่องของการขนส่ง น้ำหนักสินค้า ความทนทานต่อการแตกเสียหายระหว่างขนส่ง โดยจะเริ่มใช้สินค้าล็อตใหม่ที่เป็นบรรจุภัณฑ์ในขวดพลาสติกทั้งหมดได้ประมาณปลายเดือนกรกฏาคมนี้เช่นกัน
ขณะที่เป้าหมายของโทฟุซัง ยังคงยืนยันตามเป้าหมายเดิมที่เคยแจ้งไว้เมื่อช่วงปลายไตรมาสแรก โดยในกลุ่มนมถั่วเหลืองพาสเจอไรซ์คาดว่าจะเติบโตได้ 8-10% สูงกว่าการเติบโตของตลาดนมถั่วเหลืองที่น่าจะโตประมาณ 3-5% ขณะที่ภาพรวมทั้งบริษัทคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 150% ทั้งจากการมีแบรนด์ใหม่เข้ามาช่วยเสริมในพอร์ตโฟลิโอ รวมทั้งการขยายตลาดเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่ปีนี้จะสามารถเริ่มบุกได้อย่างเต็มที่มากที่สุดตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจมา โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะขยับเพิ่มเป็น 5-10% ได้ภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้านี้
Photo Credit: Facebook TOFUSAN