ปัจจุบันเป็นยุคที่วิถีชีวิตของผู้บริโภคมีความสะดวกสบายมากขึ้น เพราะมีเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาอำนวยความสะดวก สามารถทำอะไรได้สารพัดเพียงแค่ปลายนิ้ว ที่สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในเรื่องการซื้อสินค้า ที่หันไปใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพราะมีความสะดวกและสามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าที่ต้องการได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเดินทางฝ่าการจราจรที่ติดขัดไปถึงร้านค้า หากต้องการซื้อสินค้าเพียงชิ้นหรือสองชิ้น ทำให้คนไปเดินห้างสรรพสินค้าน้อยลง หรือส่วนใหญ่ก็ไปด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการพักผ่อนหรือไม่ก็รับประทานอาหารมากกว่า
หนึ่งในธุรกิจที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คือ ธุรกิจแฟชั่น ที่พบว่าผู้บริโภคหันไปซื้อเสื้อผ้าผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ หรือแม้แต่ผู้จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ต่างก็เพิ่มช่องทางออนไลน์ออกมารองรับกับความต้องการที่มากขึ้น และยังทำให้เกิดอาชีพแม่ค้าออนไลน์ที่นำเสื้อผ้ามาขายอีกนับจำนวนไม่ถ้วน
สำหรับ บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ ที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง นำเข้าสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ อาทิ แบรนด์ GSP, JOUSSE, C&D, LOF-FI-CIEL, STEPHANIE, GUY LAROCHE, ADOLFO DOMINGUEZ, SPRINGFIELD, WOMEN SECRET และ UNIFORM SPECIALIZER ซึ่งอยู่ในตลาดเมืองไทยมานานกว่า 45 ปี ก็หนีไม่พ้นกับผลกระทบจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง จึงได้ขยายช่องทางการตลาดออนไลน์เข้ามาเพิ่มด้วยเช่นกัน จากปัจจุบันที่มีช่องทางจัดจำหน่ายหลักผ่านร้านของตนเองกว่า 80 สาขา จุดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าต่างๆ 46 แห่งในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านอีก 23 แห่ง รวมถึงยังมีธุรกิจรับจ้างผลิตเสื้อผ้าให้กับองค์กรต่างๆ อีกว่า 400 องค์กรด้วย
การขยายช่องทางออนไลน์ของบูตินิวซิตี้ ยังเป็นเพียงแค่ระยะเริ่มต้น ซึ่งยังมีรายได้ไม่มากพอที่จะหล่อเลี้ยงทั้งบริษัทได้ ซึ่งรายได้หลักยังอยู่ที่ช่องทางออฟไลน์ ส่งผลให้บูติคนิวซิตี้พยายามปรับตัวเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค รวมถึงทดลองหาแนวทางการทำตลาดภายใต้แนวคิดใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ซึ่งล่าสุด เปิดตัวกับ MULTIBRAND STORE ภายใต้แบรนด์ A`MAZE (เอ-เมส) ที่หวังว่าจะเข้ามาสร้างแรงดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น
คุณประวรา เอครพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) เล่าถึงแนวคิดของการเปิดร้าน A`MAZE ว่า
“ทุกวันนี้ MULTI BRAND STORE เป็นมากกว่าร้านขายสินค้า แต่เป็น EGO SYSTEM สำหรับคนกล้าลอง (EXPERIMENT) เติมความมั่นใจ (CONFIDENT) และสร้างแรงบันดาลใจ (INSPIRATION) นอกจากทำเพื่อตัวเองแล้ว ยังเป็นแรงผลักดันให้คนอื่นต่อไป โดย A`MAZE เริ่มจากคำว่า MAZE ซึ่งมีความหมายว่าเขาวงกต ผสมกับคำว่า AMAZING ที่หมายถึงน่าทึ่ง น่าแปลกใจ ร้าน A`MAZE จึงอยากสื่อให้เข้าใจว่าแฟชั่นคือความสนุกของการท่องโลกใหม่ หรือเป็น STYLE EXPERIMENT ที่อาจทำให้คุณเจอพื้นที่ที่คุณไม่เคยกล้าก้าวข้ามเข้าไปในจุดนั้นเลย และเราเชื่อว่า หากคุณหาสไตล์เหล่านั้นเจอ คุณจะได้หัวใจสำคัญของความสุขคือ CONFIDENT ความ “มั่นใจ” ที่ทำให้เกิดเสน่ห์ได้อย่างล้นเหลือ”
โดยบริษัทเตรียมเปิดร้าน A`MAZE เต็มรูปแบบสาขาแรกที่ศูนย์การค้า ZPELL ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต โดยมีขนาดพื้นที่ 170 ตารางเมตร ในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากนั้นจะขยายสาขาที่ 2 ที่สยามสแควร์ ซอย 2 ที่จะเป็นพื้นที่อาคารขนาด 4 คูหา ภายใต้รูปแบบ อาคาร A`MAZE LIFESTYLE BUILDING มีขนาดพื้นที่ 600 ตารางเมตร บริษัทวางเป้าหมายขยายร้าน A`MAZE ในปีนี้จำนวน 4 สาขา ซึ่งภายในร้าน A`MAZE จะมีสินค้าของบริษัท 5-6 แบรนด์หลัก อาทิ GUY LAROCHE ,SP , JOUSSE, LOFFICIEL และ C&D เป็นต้น โดยมีแผนที่จะเปิดรับสินค้าแบรนด์อื่นๆ ที่มีสไตล์และแนวคิดตรงกันเข้ามาร่วมจำหน่ายภายในร้านด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับสินค้าหลายแบรนด์ และบริษัทอยู่ระหว่างการระบบการบริหารการขายที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนนับจากนี้
คุณประวรา กล่าวอีกว่า คอนเซ็ปต์ A`MAZE บริษัทจะใช้สำหรับขยายสาขาในพื้นที่ห่างไกล เช่น ต่างจังหวัด และหากประสบความสำเร็จจะเปลี่ยนสาขาในพื้นที่มีศักยภาพเป็นร้าน A`MAZE โดยมองว่าปัจจุบันธุรกิจรีเทลไม่สามารถอยู่นิ่งได้ ต้องคิดให้มากขึ้นและมีทำให้มีความน่าสนใจ ต้องถามว่าผู้บริโภคมีเหตุผลอะไรสำหรับการไปที่ร้านค้า เพราะหากต้องการซื้อเสื้อผ้าหนึ่งตัวสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ รีเทลจึงต้องสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ซึ่งการดำเนินธุรกิจรีเทลและแฟชั่นเป็นเรื่องที่ยาก โดยเฉพาะธุรกิจแฟชั่นที่ต้องแข่งขันด้วยความรวดเร็ว ปัจจุบันธุรกิจรีเทลก็มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเช่นกัน และถูก Disruption ด้วยเทคโนโลยีอีกด้วย ซึ่งบริษัทอยู่ทั้งสองธุรกิจจึงต้องทำอย่างไรให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเรามี Value ซึ่งตอนนี้อะไรก็ตามที่เป็นรูปแบบตายตัวเป็นเรื่องที่ผู้บริโภครับรู้หมดแล้ว
โดยในร้าน A`MAZE จะมีการนำเสนอรูปแบบแฟชั่นออกเป็น 6 LOOKS ซึ่ง ในช่วง FALL-WINTER LOOKS 2018 มีแฟชั่นเซ็ทที่ออกมาประกอบด้วย 1. ASIAN SISTA มิกซ์ ไอเทมเฟมินีน ผ้าซีลลูเอตต์ ผสมกับสีหรือสไตล์ที่คอนทราสท์กันตามสไตล์เกาหลีและญี่ปุ่น 2. VOYAGE INSPIRED เสื้อผ้าและแอคแเซสเซอรี่ หรือแม้แต่ลายหรือเนื้อผ้าที่ดึงให้จินตนาการถึงการเดินทางสุดมันส์ 3.SO THAI ลุคผ้าไทยมาแมทซ์ลุคใหม่ให้ล้ำ เด่นด้วยลายเส้นและเทคนิกที่ทำให้ผ้าไทยไม่มีคำว่าน่าเบื่อ 4.NEW ERA สาวในลุคสมาร์ท โก้หรู แต่ผสมลูกเล่นให้ลุค ดูเข้าถึงง่าย 5.HI STREET โครงชุดที่สวมใส่ได้ง่าย คล่องตัว เพิ่มเครื่องประดับเก๋ๆ หวือหวา ฉีกภาพความเบสิกอย่างสิ้นเชิง และ 6.CLASSY ลุคที่เรียบหรูดูไฮโซด้วยสีและเนื้อผ้า ผสานกับ แพทเทิร์นให้เกิดดีเทลที่น่าสนใจ
“เมื่อก่อนคนไปรีเทลเพื่อไปซื้อของ เพราะต้องไปซื้อ แม้ว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งที่ไปเดินเล่น แต่ปรากฏว่าปัจจุบันคนที่จำเป็นต้องไปซื้อของไม่ต้องไปแล้ว เพราะสามารถซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ ความจำเป็นในการเดินทางไปซื้อของที่รีเทลเลยไม่จำเป็นแล้ว แต่มีคนส่วนหนึ่งที่ยังไปห้างอยู่ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ไป และเดี๋ยวนี้คนจะกินข้าวก็สั่งเดลิเวอรี่ได้อีก ก็เลยไม่ต้องไปห้างก็ได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม เรายังเชื่อว่ามนุษย์ยังเป็นสัตว์สังคม ที่ยังจะต้องเจอกัน จึงต้องมีร้านเพื่อเป็นที่พบเจอกัน” คุณประวรา เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคปัจจุบัน
สำหรับสินค้าแบรนด์หลักของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีฐานลูกค้าเดิมที่ซื้อสินค้า ขณะเดียวกันบริษัทได้พัฒนาในเรื่องของคุณภาพ นวัตกรรม และเทคนิคการผลิต แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือ การสร้างประสบการณ์สำหรับการสวมใส่เสื้อผ้า เพราะปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมาก มีความหลากหลายของบทบาทในแต่ละบุคคล ซึ่งผู้บริโภคหนึ่งคนอาจจะไม่สามารถระบุได้ว่าภาพลักษณ์ที่เห็นเขาจะเป็นอะไร ทำอาชีพอะไร และธุรกิจแฟชั่นเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ รวมถึงการใช้ชีวิต ทำให้แบรนด์สินค้าต้องมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าและประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคเป็นหลัก