สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018 ที่สุดแห่งงานนาฬิกายิ่งใหญ่แห่งปี ตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์เหนือระดับ และช้อปปิ้งเดสติเนชั่นระดับโลก ศูนย์การค้าสยามพารากอน และ วอทช์ แกลอเรีย พารากอน ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ ร่วมกับแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลก ทุ่มงบกว่า 45 ล้านบาท จัดงาน “สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018” (SIAM PARAGON WATCH EXPO 2018) มหกรรมแสดงประดิษฐกรรมเรือนเวลาระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี รวบรวมนาฬิกาแบรนด์ดังกว่า 180 แบรนด์ รวมกว่า 30,000 เรือน เอาใจนักสะสมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ พร้อมโปรโมชั่นที่สุดแห่งปีลดสูงสุดถึง 50% และสิทธิพิเศษมากถึง 10 ต่อ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท งานจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม ศกนี้ คาดเงินสะพัด 360 ล้านบาท
คุณชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาด และธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “ครึ่งปีหลังผู้บริโภคชาวไทยยังคงมีกำลังซื้อ และพร้อมที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่พึงใจ โดยเฉพาะอย่างในกลุ่มสินค้าที่ตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล ซึ่งสินค้าลักช์ชัวรี่คือหนึ่งในนั้น เห็นได้จากผลสำรวจของงานวิจัยต่างๆ พบว่าสินค้าลักช์ชัวรี่ในปัจจุบันที่คนไทยนิยมซื้อสูงสุดคือนาฬิกาที่มีสัดส่วนมากถึง 21% รองลงมาคือเสื้อผ้าแบรนด์เนม 17% และสินค้ากลุ่ม สกินแคร์ 14% โดยเหตุผลการซื้อสินค้าลักช์ชัวรี่ของคนไทยคือ ซื้อเพื่อให้รางวัลตัวเองเป็นส่วนใหญ่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเรื่องของโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ซึ่งมีบทบาทกับการตัดสินใจซื้อเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
สำหรับงานสยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018 จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ The Unique Timepieces นับเป็นงานมหกรรมที่รวบรวมความสุดยอดของประดิษฐกรรมแห่งเรือนเวลาจากทั่วโลกกว่า 180 แบรนด์ชั้นนำมาไว้รวมกันในงานเดียว โดยเราได้เนรมิตพื้นที่บริเวณ ฮอลล์ ออฟ เฟม, คริสตัล คอร์ท แผนกนาฬิกา พารากอนดีพารท์เมนต์สโตร์ ชั้น M และแฟชั่น ฮอลล์, แฟชั่น แกลเลอรี่, สตาร์โดม, เมน ฮอลล์ 2 ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอนให้เป็นสถานที่จัดแสดงนาฬิกาครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งงานจะมีระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม – 9 สิงหาคมนี้ ด้วยงบประมาณจัดงานกว่า 45 ล้านบาท
“ในปีนี้คาดว่านาฬิกาแบรนด์หรู นาฬิการุ่นลิมิเต็ด หรือรุ่นพิเศษฉลองครบรอบต่างๆ ในกลุ่มไฮเอนด์ยังคงเติบโต และถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาความนิยมของผู้บริโภคทั่วโลกสำหรับนาฬิกาที่ราคาต่ำกว่า 30,000 บาท จะถูกทดแทนด้วยสมาร์ท วอทช์ หรือดิจิตอล วอทช์ แต่ปีนี้กลับพบว่าความนิยมยังคงอยู่ แต่อัตราการเติบโตมีความชะลอตัว โดยโตขึ้นเพียง 1.2% เท่านั้น ซึ่งการจัดงานครั้งนี้คาดการณ์ว่าโปรโมชั่นส่วนลด และของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาทนั้นจะเป็นตัวช่วยที่ช่วยกระตุ้นยอด และทำให้เม็ดเงินสะพัดได้มากถึง 360 ล้านบาท”
ด้านคุณจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล Chief Business Officer – Specialty Business บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “งานสยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย และต่างชาติมาโดยตลอด จนกลายเป็นที่สุดแห่งงานนาฬิกาที่หลายคนตั้งตารอ โดยงานนี้นับเป็นงานที่ช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดนาฬิกาทั้งในประเทศ และภูมิภาคเอเชีย จะเห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของภูมิภาคเอเชียที่มีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นทุกปี แบรนด์นาฬิกาชั้นนำให้ความสนใจตลาดเอเชียเพิ่มมากขึ้น พบว่าปีนี้ยอดขายตลาดนาฬิกาจากทั่วโลก เอเชียมีสัดส่วนสูงถึง 50% รองลงมาคือยุโรป 34% อเมริกา 14% และอื่นๆ เพียง 2% มูลค่าตลาดรวมนาฬิกาในประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 45,900 ล้านบาท แบ่งเป็น
- Luxury Market (500,000 บาท ขึ้นไป) สัดส่วนตลาด 20%
- Hi-end Market (100,000 – 500,000 บาท) สัดส่วนตลาด 34.85%
- Middle Market (20,000 – 100,000 บาท) มูลค่าตลาด คิดเป็น 30.62%
- Fashion Trend Market (5,000 – 20,000 บาท) มูลค่าตลาด คิดเป็น 14.53%
“พฤติกรรมของลูกค้าในการซื้อนาฬิกาในปัจจุบัน มุ้งเน้นไปยังแบรนด์ที่ชื่นชอบ แต่ก็ยังคำนึงถึงราคาเป็นหลักเพราะทุกคนต้องการใช้เงิน อย่างคุ้มค่าให้มากที่สุด และตอบสนองความต้องการของตัวเองให้มากที่สุด นอกจากนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวยังคงให้ความสนใจตลาดนาฬิกาในประเทศไทย เนื่องจากภาษีนำเข้านาฬิกาของไทยเพียง 5% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศจีน ทีมีภาษีนำเข้านาฬิกาอยู่ที่ 30% จึงเป็นเหตุผลที่นักท่องเที่ยวชาวจีน หันมาช้อปนาฬิกาในบ้านเรา โดยแบรนด์ที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความนิยมได้แก่ Omega, Longines, Mido, Tissot, Frederique Constant, Gucci, Bulova เป็นต้น เพราะแบรนด์เหล่านี้ได้มีการเปิดตลาดที่ประเทศจีนมายาวนาน”
สำหรับเทรนด์การเลือกซื้อนาฬิกาที่กำลังมาแรง คือ นาฬิกากลุ่มสีเขียว น้ำเงิน พาสเทล ขาว และดำ เรือนสตีล หรือรุ่นยอดนิยม รุ่นคลาสสิคที่ได้รับความนิยมในอดีต กลับมาผลิตอีกครั้ง และรุ่นครบรอบในโอกาสพิเศษของแบรนด์ต่างๆ โดยกลุ่มนาฬิกาที่นักลงทุน และนักสะสมพลาดไม่ได้ในปีนี้ คือ FRANCK MULLER รุ่นDOUBLE MYSTERY DM 42, HUBLOT รุ่นTECH FRAME FERRARI TOURBILLON HRONOGRAPH KING GOLD, CORUM รุ่น ADMIRAL 45 SQUELETTE, SEIKO รุ่น ZIMBE THAILAND LIMITED EDITION 428 PCS., TAG HEUER รุ่นCONNECTED MODULAR 41 กลุ่ม HERITAGE ได้แก่ LONGINES, CORUM, ORIS เป็นต้น
ด้านภาพรวมของวอทช์ แกลอเรีย คาดว่าครึ่งปีหลัง งานสยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตกว่า 8-10% ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ คุ้มค่า ในราคาที่ถูกกว่าซื้อจากต่างประเทศ และยังได้สิทธิเศษอีกมากมาย คาดว่างานในครั้งนี้จะสร้างความสนใจให้กับผู้ชื่นชอบ และนักสะสมนาฬิกาชาวไทย ชาวต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มประเทศแถบเอเชียได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ สยามพารากอนยังได้เตรียมมอบ 10 ข้อเสนอสุดพิเศษ กับโปรโมชั่นและของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ทั้งส่วนลดเคาน์เตอร์ปกติ 10–30% Fashion & Trend ลดทั้งเคาน์เตอร์ 50% และสมาชิกบัตร M Card รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 8% ลดเพิ่มอีก 12.5% เมื่อใช้คะแนนสะสม M Point เท่ากับยอดซื้อ สมาชิกบัตร Platinum Card รับส่วนลดพิเศษเพิ่ม พร้อมสิทธิพิเศษจากพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าเพิ่มเติม ทั้งเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% และ on top อีก 18% พร้อมโปรแกรมแบ่งชำระ 0% สูงสุด 10เดือน พิเศษกับ FRIDAY BIG BONUS ต่อคิวปั๊บ รับทันที คูปองส่วนลดเงินสด มูลค่า 1,000 บาท ทุกวันศุกร์ รวม 3 สัปดาห์ พร้อมสิทธิ์แลกซื้อนาฬิกาในราคาพิเศษ เมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป
“สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม ศกนี้ ณ บริเวณพื้นที่จัดแสดง ชั้น M และชั้น 1 สยามพารากอน ณ ฮอลล์ ออฟ เฟม, คริสตัล คอร์ท วอชท์ บูติก และ วอทช์ แกลอเรีย พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ชั้น M และแฟชั่น ฮอลล์, รอบวอยด์ทางเดิน, พื้นที่ฝั่งสตาร์โดมชั้น 1 สยามพารากอน นอกจากนี้ยังมอบโปรโมชั่นลดสูงสุด 50% ต่อเนื่อง ที่แผนกวอทช์ แกลอเรีย เดอะมอลล์ ทุกสาขา, ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2610-8000
โดยตลาดนาฬิกามีการแข่งขันทางด้านการตลาดสูงมากขึ้น มีกลยุทธ์เชิงรุกในการเพิ่มกลไกลด้านราคา ทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นการขยายฐานในกลุ่ม Hi – end Market และกลุ่ม Middle Market ได้แก่ แบรนด์ TAG Heuer Formula1, Breitling รุ่น Navitimer 8, Maurice Lacroix รุ่น Aikon, Longines รุ่น La Grande Classique, Mido รุ่น Baroncelli A Trilogy of Limited Edition และ Oris พร้อมกับกลุ่ม Fashion Trend Market มีการขยายฐานตลาด Smart Watch ที่เติบโตมากในช่วง 2 – 3 ปีหลัง เนื่องจากพฤติกรรมลูกค้ามีความสนใจนาฬิกาการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ได้แก่ Apple Watch, Garmin, Suunto อีกทั้งมีกลุ่มแบรนด์สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ที่เพิ่ม function เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่ม Smart Watch เช่นกัน ได้แก่ TAG Connected, Frederique constant, Alpina, Michael Kors Access, Fossil Q และ Diesel On เป็นต้น