“พลังงาน” มีความสำคัญต่อการดำรงชีพของมนุษย์อย่างมาก และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลก เมื่อไหร่ที่พลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับธุรกิจทั้งโลกได้ จังหวะดังกล่าวอาจทำให้ทุกภาคส่วนเหลียวหลังแลหน้ามองหา “พลังงานทางเลือก” หรือ“พลังงานทดแทน” มากขึ้น
ปัจจุบันพลังงานทดแทน มีบทบาทและความสำคัญบนโลกใบนี้เพิ่มเท่าทวีคูณ เพราะนอกจากจะสรรหาได้จาก “ธรรมชาติ” ยังนำมาใช้ได้อย่างไม่จำกัด และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย เมื่อเทียบกับพลังงานน้ำมัน ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ที่เกิดจากฟอสซิลทับถมกันเป็นเวลานับล้านปี ใช้แล้วหมดไปซ้ำยังใช้แล้วก่อให้เกิดมลพิษตามมาอีกมายมาย
เมื่อทุกภาคส่วนเล็งเห็นถึงการรักษาความยั่งยืนของโลก “พลังงานทดแทน” จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่ถูกพลิกให้เป็นหนึ่งในพลังงานหลักที่นำไปใช้ประโยชน์แทนพลังงานเดิมๆ
หากพูดถึงองค์กรที่เปิดฉากรุกพลังงานทดแทน “บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน)” หรือ EA ต้องอยู่ในลิตส์แน่นอน ซึ่งบริษัทมีแม่ทัพ “สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานกรรมการบริหาร ประกาศ Vision ชัดในการเคลื่อนองค์กรก้าวสู่ “ผู้นำในธุรกิจพลังงานทางเลือก” ระดมเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตพลังงานทดแทน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตลอดจนสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ให้กับประเทศ
ยิ่งกว่านั้น “EA” หมายมั่นมากที่จะเป็นผู้เปลี่ยนพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเดิม เพื่อให้เป้าหมายสัมฤทธิ์ผล “EA” จึงเลยออก “ลงทุน” ผุดบิ๊กโปรเจคจำนวนมาก ตัวอย่างการผนึกการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ผุดสถานีให้บริการชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์แบรนด์ EA Anywhere นำร่อง 100 สถานี ก่อนปูพรมให้ครบ 1,000 สถานีทั่วไทย รองรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบไฮบริดจ์(PHEV) และแบตเตอรี่(BEV)
มีการลงทุนโรงงานไฟฟ้าพลังงานลม โครงการ “หนุมาน” จังหวัดชัยภูมิ ขนาดกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่อจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD)ปลายปีนี้ และจะทำให้ EA มีกำลังผลิตไฟฟ้าแตะ 664 เมกะวัตต์จากเดิมมีกำลังผลิต 404 เมกะวัตต์ผ่านการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์ม 4 โครงการ และลม 2 โครงการ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการอยู่ใน Pipeline ดังนี้
-เมกะโปรเจคต์ลงทุนมูลค่า “แสนล้าน” สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน โพลีเมอร์ ขนาด 50กิกะวัตต์ชั่วโมง(GWh) ซึ่งอลังการงานสร้างชนิดที่ “ใหญ่สุด” ในโลกแซงโรงงานผลิตแบตเตอรี่พี่เบิ้มของโลกในสหรัฐประมาณ 1.4 เท่า
สเต็ปการสตาร์ทลงทุน ไม่ได้เทเงินโครมคราวเดียวมหาศาลแต่แบ่งเป็นเฟสลงเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฟสแรกจะเห็นการควักงบกว่า 4,000 ล้านบาท ผุดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาด 1 GWh
-โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ MINE mobility ซึ่งมีรถต้นแบบ(Prototype) ออกมาทั้งสิ้น 3 เซ็กเมนต์ ได้แก่ City EV, MINE MPV และรถ SPORT EV ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับแมสกลุ่มครอบครัว และตลาดบน
-โครงการ “ฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้”เนื้อที่ 3,000 ไร่ ซึ่ง EA ร่วมกับพันธมิตรต้องการเนรมิตแผ่นดินผืนใหญ่ให้เป็นศูนย์รวมของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ MINE mobility ห้องปฏิบัติการหน่วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องจากน้ำมันปาล์ม เพื่อเพิ่ม Valueให้กับสินค้าฯ มาอยู่ในที่เดียวจบครบวงจร
-โครงการ “กรีนดีเซล” ที่ช่วยเพิ่มความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันได้ถึง 1 ล้านไร่
-โครงการไพรอทแพลนสาร PCM ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงรายแรกของประเทศไทย
เหล่านี้เป็นแค่ “น้ำจิ้ม” ที่สะท้อนภาพของ EA ที่ไม่ได้มาเล่นๆกับการลุยผลิตพลังงานทดแทนกลับกันเป็นการประกาศศักยภาพให้เห็นว่าหมากเกมนี้ EA เอาจริงมากๆ
