“โฮมโปร” ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร ได้ประกาศผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก สามารถทำกำไรสุทธิ 2,561.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 383.61 ล้านบาท หรือเติบโต 17.62% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 32,365.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,319.01 ล้านบาท หรือเติบโต 4.25% โดยเพิ่มขึ้นจาก รายได้จากการขายจำนวน 30,319.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,246.43 ล้านบาท หรือเติบโต 4.29 %
บริษัทมีรายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 943.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.71 ล้านบาท หรือเติบโต 5.09% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และพื้นที่ให้เช่าของสาขาโฮมโปร และรายได้อื่นอีกจำนวน 1,101.77 ล้านบาท ลดลง 26.87 ล้านบาท หรือ 2.50% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากค่าบริการ “Home Service”
นอกจากนี้กำไรขั้นต้น จำนวน 8,159.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 600.48 ล้านบาท หรือ 7.94% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก26.00% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.91% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการวางแผนการจัดซื้อสินค้า
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 6,858.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237.37 ล้านบาท หรือ 3.58% เมื่อเทียบกับปีก่อนปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวเงินเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนในการให้บริการแก่ลูกค้า และค่าซ่อมแซม อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้นโดยลดลงจาก 22.78% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 22.62% ซึ่งเป็นผลมาจาการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์สำคัญอย่างหนึ่งที่โฮมโปร นำมาใช้เพื่อสร้างการเติบโต คือ การขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่ามา ได้เปิดสาขาเพิ่ม 2 สาขา ได้แก่ โฮมโปรเอส สาขาบิ๊กซี บางนา ในเดือนพฤษภาคม และโฮมโปรรูปแบบปกติ สาขากัลปพฤกษ์ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้มีสาขาถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2561 รวม 105 สาขา แบ่งเป็น โฮมโปร 82 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกา โฮม 12 สาขา และโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย 6 สาขา แต่ขณะเดียวกันสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย ก็เติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
อีกกลยุทธ์หนึ่งที่สร้างการเติบโตให้กับ “โฮมโปร” คือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า อาทิ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้ากลุ่มเครื่องเสียงและทีวี จากกระแสฟุตบอลโลก และกิจกรรมส่งเสริมการขายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าทำความเย็น ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงในช่วงฤดูร้อน เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ตลอดจนการจัดกิจกรรมโฮมโปร แฟร์ (HomePro Fair) ในจังหวัดเชียงใหม่ และขอนแก่น ซึ่งสามารถทำยอดขายโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
คุณคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 มีการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยังคงผลักดันมาจากแรงกระตุ้นของการส่งออก และการท่องเที่ยว รวมถึงการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาข้าวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากซบเซามาในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวยังไม่สะท้อนมาถึงกำลังซื้อของภาคครัวเรือนมากนัก ด้วยอุปสรรคในเรื่องของภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ด้วยเหตุนี้ แม้รายได้ครัวเรือนตามตัวเลขเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่บางส่วนอาจต้องถูกนำไปชำระหนี้ จึงทำให้ประโยชน์ของการเพิ่มขึ้นของรายได้ไม่ส่งผ่านมาสู่การบริโภคได้มากเท่าที่ควร