ผลสำรวจข้อมูลการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน หรือ Chinese International Travel Monitor (CITM) ประจำปีครั้งที่ 7 ซึ่งทำการสำรวจโดย Hotels.com สื่อกลางที่รวบรวมที่พักทุกสไตล์มากกว่าแสนแห่งจากทั่วโลกบน 90 เว็บไซต์ จาก 41 ภาษา ระบุว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนยุคมิลเลนเนียล (ผู้ที่เกิดหลังปี 1990 เป็นต้นไป) มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัดระหว่างเดินทางท่องเที่ยว โดยพบว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังปี 2533 มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกในปีที่ผ่านมาถึง 80%
จีนรุ่นใหม่จ่ายหนัก พร้อมต้องการเผชิญโลกกว้าง
เหตุผลสำคัญมาจากความต้องการที่จะมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์จริงต่างๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อทางเลือกในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบกับอิทธิพลจากโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ที่แปลกใหม่ไปจากเดิม พร้อมพฤตกิกรรมเด่นทั้งชื่นชอบการเช็คอินในที่พักสุดไฮเทค ลองชิมอาหารต่างแดน และลองทำกิจกรรมสุดแปลกแหวกแนว
ตามข้อมูลระบุว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมใช้จ่ายเงินไปกับการรับประทานอาหารเป็นส่วนใหญ่ โดยเลือกชิมอาหารท้องถิ่นที่ไม่สามารถหารับประทานที่ไหนได้ (69%) และเลือกเดินตามท้องถนนเพื่อลิ้มลองอาหารท้องถิ่นแท้ๆ (43%) มากกว่าการเลือกซื้อสินค้าราคาแพง (38%)
นอกจากนี้ ความชื่นชอบในตัวศิลปินและดารายอดนิยมระดับโลก อิทธิพลจากภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ชื่อดัง (62%) ยังกลายมาเป็นแรงบันดาลใจหลักให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรุ่นใหม่เริ่มมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้อยู่แค่ในแถบเอเชียอีกต่อไป แต่วางแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม ทำให้จุดหมายปลายทางที่ใช้เวลาเดินทางมากขึ้นกลายมาเป็นเทรนด์ที่มาแรงของนักท่องเที่ยวชาวจีนในปีนี้ อาทิ ประเทศในแถบยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและกลายเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ที่นักท่องเที่ยวจีนมากกว่าครึ่งวางแผนที่จะไปเยือนในอนาคต
ไทยครองที่สอง Destination ขวัญใจนักท่องเที่ยวจีน
ขณะที่ประเทศในทวีปเอเชียก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นเคย โดยพบว่า 49% ของนักท่องเที่ยวจีนวางแผนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศแถบเอเชียภายใน 12 เดือนนับจากนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนมากกว่า 1 ใน 3 หรือประมาณ 37% ยังคงต้องการไปเที่ยวในสถานที่หรือประเทศที่เคยไปมาแล้ว แต่เปลี่ยนไปสู่เมืองที่ยังไม่เคยไปมาก่อน ส่วนจุดหมายปลายทางสำคัญในทวีปเอเชียยังคงอยู่ในลิสต์ที่นักท่องเที่ยวจีนต้องการเดินทางไปท่องเที่ยว เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลี
ที่สำคัญประเทศไทยยังครองตำแหน่งประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนดีที่สุดเป็นอันดับสอง รองจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเหตุผลหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี มาจากความคล่องตัวในการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ครอบคลุม (64%) ป้ายหรือสัญลักษณ์ที่มีภาษาจีน (41%) และ ความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสารที่มีภาษาจีนรองรับ (40%) ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงรู้สึกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเมื่อมาเที่ยวที่ประเทศไทย
ทำให้ในปีนี้ประเทศไทยยังคงรักษาตำแหน่งเป็นหนึ่งใน Destination ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนต้องการจะเดินทางมาเอาไว้ได้ ซึ่งนอกจากเหตุผลข้างต้นแล้ว ยังสามารถตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่แสวงหาประสบการณ์แบบท้องถิ่นอย่างแท้จริง อาทิ ลิ้มลองรสชาติอาหารที่แปลกใหม่ในประเทศต่างๆ (69%) เสาะหาสินค้าท้องถิ่นบนถนนคนเดิน (43%) มากกว่าที่จะไปเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมสุดหรู (38%)
ดังนั้น ประเทศไทยจึงยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวจีนต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง อาทิ ผลิตภัณฑ์และงานฝีมือที่มีชื่อเสียงให้พวกเขาได้ซื้อกลับไป (56%) และสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกหลากหลายแห่งให้ได้ไปเยี่ยมชม เช่น พระบรมมหาราชวัง ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญอันดับหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจีนต้องมาเยือนเมื่อมาประเทศไทย
ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า ความต้องการและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวจีนรุ่นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยรูปแบบการเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์นั้นได้รับความนิยมน้อยลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนหันมานิยมท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยตัวเองมากขึ้น เพราะสามารถเที่ยวเองได้ง่ายและเป็นอิสระ ประกอบกับชื่อเสียงของอาหารไทยที่ขึ้นชื่อและถูกปากชาวต่างชาติ ความสะดวกสบายในการขอวีซ่า คุณภาพของโรงแรมและที่พัก รวมถึงประเทศไทยยังเป็นสวรรค์ของการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
จับฤติกรรมเด่น : ห่วงความปลอดภัย -ชอบสื่อโซเชียล
ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความสำคัญเมื่อต้องวางแผนในการเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนรุ่นใหม่คำนึงถึงคือ ความปลอดภัย (61%) ในขณะที่อาหารท้องถิ่นก็เป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดที่สำคัญไม่แพ้กัน ที่มีผลต่อการเลือกตัดสินใจไปเที่ยวในประเทศต่างๆ
มร.เนลสัน อัลเลน ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Hotels.com ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มมิลเลนเนียลยังได้รับอิทธิพลจากโซเชียลมีเดียและติดตามเทรนด์ต่างๆ ตามสื่อออนไลน์ โดยที่นักท่องเที่ยวจีนแทบทุกช่วงวัยก็มักจะติดตามข่าวสารและกระแสต่างๆ ผ่านสื่อออนไลน์ไม่แพ้นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่เช่นกัน
“นักท่องเที่ยวจีน 52% แสวงหาข้อมูลต่างๆ จากการเลื่อนดูหน้าฟีดบนโซเชี่ยลมีเดีย โดย 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่สูงอายุให้ความเห็นว่า การตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวล้วนได้รับอิทธิพลมาจากลูกหลานที่เป็นคนค้นหาข้อมูลจากโลกดิจิตัล รวมไปถึงมีพฤติกรรมในการโพสและแชร์ภาพเซลฟี่ ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเป็นอย่างยิ่งระหว่างท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา (65%) พร้อมนิยมถ่ายภาพมุมกล้องที่เห็นบุคคลในฝั่งตรงข้ามอยู่ร่วมเฟรมเพื่อเพิ่มยอดไลค์และสร้างภาพลักษณ์บนโซเชียลมีเดีย และมักจะถ่ายภาพตัวเองหรือภาพเซลฟี่เพื่อบรรยายความรู้สึกต่างๆ ลงบนโซเชียลมีเดีย (52%) รวมทั้งการแชร์คลิปวีดีโอต่อๆ กันมา (51%) เพื่อเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจีนทุกช่วงวัยเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจวางแผนท่องเที่ยว
การทำความเข้าใจถึงความต้องการที่เปลี่ยนไปและเรียนรู้พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 12% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะแค่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในไทยแล้วกว่า 6 ล้านคน หรือราว 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเกือบ 20 ล้านคน หากสามารถทำความเข้าใจถึงพัฒนาการและความต้องการอย่างแท้จริงในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนจะทำให้พวกเขากลายเป็นฐานลูกค้าสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย
สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนรวมไปถึงคนในท้องถิ่นเองที่เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของของนักท่องเที่ยวชาวจีน ก็เป็นโอกาสในการพัฒนาและยกระดับรวมทั้งการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อในท้องถิ่น อาทิ สมุนไพรจากภูมิปัญญาชาวบ้าน อาหารขึ้นชื่อในแต่ละท้องที่ นอกจากนี้กิจกรรมต่างๆ เช่น การทำผ้าทอมือ การย้อมผ้า การทำเครื่องเงิน หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่โดดเด่นในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยถือเป็นจุดขายที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนต้องการมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ภาครัฐ ผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักสามารถส่งเสริมและปรับปรุงปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ประกอบการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวจีนได้เช่นกัน อาทิ พัฒนาระบบสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปพลิเคชั่น WeChat ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในที่พัก เช่น การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในตัวเมือง ระบบเชื่อมต่อ Wi-Fi ความเร็วสูง และการให้บริการลูกค้าอื่นๆ ตลอดไปจนถึงแนะนำหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการจองตั๋วหรือซื้อบัตรในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น ความต้องการดังกล่าวคือปัจจัยสำคัญที่เหล่านักท่องเที่ยวคำนึงถึงเมื่อตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนได้เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
Photo Credit: NUMBER 24- Authorized Shutterstock Partner in Thailand