“closing the distance” หรือการเชื่อมโยงคนให้เข้าหากัน ให้ใกล้ชิดกัน คือ พันธกิจหลักสำคัญของ LINE มากกว่าการเป็นแค่ Application เพื่อการพูดคุยกัน เม้าท์มอยด์ แต่ต้องการเป็นแพลตฟอร์ม ช่วยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกเรื่อง ให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น LINE จึงได้พัฒนาและต่อยอดบริการหลายอย่าง ออกมาให้ครอบคลุมทุกแอเรียของวิถีชีวิตผู้บริโภค
กรณี LINE MAN ได้ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิดนั้นเหมือนกัน และเป็นบริการซึ่งคิดโดยทีมคนไทย เพื่อคนไทย นับเป็นกลยุทธ์ Localization ซึ่งถูกวางไว้ในแต่ละประเทศ ให้ “คิด” และ “พัฒนา” บริการออกมารองรับลูกค้าแต่ละประเทศกันเอง ก็เพราะการบริการบางอย่างไม่ใช่ว่าจะตอบสนองคนได้ทั้งโลก แต่ละที่แต่ละแห่งก็มีความเฉพาะตัวของใครของมัน LINE MAN นับเป็นความภาคภูมิใจของทีมงานเป็นอย่างมาก เพราะ LINE ในหลายประเทศ อาทิ จีน เกาหลี บินตรงมาดูงานเมืองไทย หวังจะเอาโมเดลไปต่อยอดในประเทศตัวเองมั่ง
ตอนนี้ LINE MAN มีบริการด้วยกัน 5 รูปแบบ คือ 1.บริการสั่งซื้ออาหาร (Food Delivery) 2.บริการรับส่งสิ่งของ (Messenger) 3.บริการสั่งของสะดวกซื้อ (Convenience Goods) 4.บริการรับส่งสิ่งของผ่านไปรษณีย์ (Parcel) และ 5.บริการเรียกแท็กซี่ (Taxi) ซึ่งมุ่งตอบสนองความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต และแก้ปัญหาการใช้บริการจากรูปแบบเดิมๆ ที่คนไทยต้องเผชิญมา
แก้ Pain Point ที่ขัดใจการใช้ชีวิต
การพัฒนา LINE MAN ก็เป็นหนึ่งแพลตฟอร์ม ถูกคิดออกมาแก้ปัญหา ความไม่สะดวกสบายในการใช้บริการของคนในยุคปัจจุบัน โดย LINE MAN จะเป็นตัวช่วยทำให้ชีวิตคนง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสั่งซื้ออาหารหรือของใช้ การเดินทาง หรือการจัดส่งสินค้า
คุณนพปฎล วชิรโกวิทย์ ผู้จัดการบริการ LINE MAN – Food Delivery เล่าว่า Pain Point ในธุรกิจอาหารของคนไทย คือ ความอยากกินอาหารแต่ไม่รู้จะกินอะไร รู้ว่าอยากกินจะไปที่ร้านการจราจรที่ติดขัด ที่จอดรถก็หายาก หิวเดี๋ยวนี้อยากกินเดี๋ยวนี้ไม่มีคนไปซื้อให้ เป็นต้น ซึ่ง LINE MAN ไม่ได้แก้ปัญหาให้กับคนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังช่วยผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี เพราะการทำธุรกิจอาหารไม่ใช่แค่เรื่องฝีมือในการทำอาหารเท่านั้น แต่ต้องมีทำเลที่ดีด้วย ซึ่งทำเลที่ดีค่าเช่าก็จะสูง และการขายก็มีพื้นที่จำกัด
ส่วนคุณธารวิทย์ ดิษญวงศ์ ผู้จัดการบริหาร LINE MAN Messenger & Parcel อธิบายว่า Pain Point ของคนที่จะส่งสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ คือ ต้องการให้บริษัทขนส่งสินค้ามารับสินค้า โดยจ่ายค่าบริการเท่ากับการไปที่สำนักงานด้วยตนเอง การไม่ต้องรอเวลาให้บริษัทขนส่งสินค้ามารับของไปส่งเฉพาะช่วงบ่าย หรือต้องการส่งสินค้าในวันอาทิตย์ หรือการจัดส่งเอกสาร ปัญหาคือต้องไปว่าจ้างมอเตอร์ไซด์วิน ต้องตกลงราคากัน ไม่มีความเป็นมาตรฐานการบริการ ขณะที่ LINE MAN แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะจัดส่งของในวันอาทิตย์ การไปรับของถึงสถานที่ เป็นต้น
ขณะที่คุณณภพ ธนาธัชรัตน์ ผู้จัดการอาวุโส LINE MAN – TAXI เล่าว่า ปัจจุบัน Application สำหรับเรียกรถแท็กซี่มีหลายแบรนด์ แต่ยังมีปัญหาในด้านการใช้งาน โดยเฉพาะปัญหาคนขับรถแท็กซี่ ที่ยังมีรายได้ไม่เพียงพอ จึงทำให้การให้บริการผ่าน Application ส่วนใหญ่ยังมีไม่มากพอ แต่สำหรับ LINE MAN ได้เข้าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสหกรณ์แท็กซี่แห่งประเทศไทย และกรมการขนส่ง เพื่อทำความเข้าใจกับคนขับแท็กซี่ และนำเอาแท็กซี่ที่ถูกกฎหมายเข้ามาร่วมในการให้บริการ
เตรียมเพิ่ม Feature ให้ชีวิตง่ายขึ้นไปอีก
การบริการสั่งซื้ออาหาร ปัจจุบันครอบคลุมร้านอาหารกว่า 40,000 ร้านแล้ว จากฐานข้อมูลของ Wongnai ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มีฐานลูกค้าใช้บริการกว่า 1 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้ LINE จำนวน 42 ล้านบัญชี ซึ่ง LINE MAN จะเพิ่มร้านอาหารให้มากกว่านี้ เพราะมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก ไม่เพียงเท่านั้นจะเสริม Feature ในการเสนอทางเลือกการสั่งอาหารกับเมนูอาหารใหม่ๆ ซึ่งบางครั้งผู้บริโภคก็ไม่รู้จะกินอะไรดี รวมถึงปรับปรุงระบบการจัดส่งให้รวดเร็วขึ้นกว่าปัจจุบัน จากระยะเวลาการจัดส่งปัจจุบันเฉลี่ย 40 นาที และค่าบริการก็จะทำให้ถูกลงกว่านี้ด้วย
ส่วนบริการ Messenger & Parcel วางแผนพัฒนาการจัดส่งเอกสาร ให้มีระยะเวลารวดเร็วขึ้นกว่าปัจจุบัน ซึ่งมีระยะเวลานับตั้งแต่เรียกใช้บริการจนถึงการจัดส่งอยู่ที่ 50 นาที ส่วนการจัดส่งสินค้าหรือพัสดุ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มีความต้องการหมายเลขการจัดส่ง เพื่อส่งให้กับลูกค้า LINE MAN ได้เพิ่มบริการจัดส่งหมายเลขพัสดุ ให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน
การบริการ LINE MAN – TAXI วางแผนหาโมเดลทางธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคนขับแท็กซี่ให้เพิ่มมากขึ้น สร้างความยั่งยืนในการขับรถ พร้อมๆ กับการเตรียมแผนเพิ่มให้การบริการที่มองภาพใหญ่ ไม่ใช่แค่การจัดส่งคนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง แต่เป็นการเชื่อมโยงกันของระบบ Transportation อื่นเข้าด้วยกัน ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย สำหรับการแก้ไขปัญหาระบบขนส่งอื่นๆ อนาคตจะเชื่อมโยงกันหมดทั้งรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซต์ รถไฟฟ้า หรือระบบขนส่งอื่นๆ อีกมากมาย