จากการเปิดเผยข้อมูลของ Nielsen Music ระบุว่า ยอดขาย เทป คาสเซ็ทในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า ตั้งแต่ปี 2011 และในปีที่ผ่านมามียอดขายมากถึง 174,000 โดยทาง Nielsen Music ยังให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า เทปที่ขายดี ประกอบด้วย อัลบั้ม Reputation ของ Taylor Swift, 4:44 ของ Jay-Z, Lust For Life ของ Lana Del Ray และ เพลงประกอบภาพยนตร์ Guardians of The Galaxy จากค่าย Marvel ซึ่งมียอดขายที่ดีในร้าน Urban Outfitters แถมเครื่องเล่นเทปที่มี USB adaptor ให้ด้วย ก็ยอดขายโตตามไปด้วย
เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นที่สหราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน ยอดขายเทป คาสเซ็ทกลับมาขึ้นสูงขึ้นอีกครั้งในอังกฤษ โดยยอดขายสูงขึ้นถึง 90% ในครึ่งแรกของปี 2018 จากรายงานของ Official Chart เทป คาสเซ็ท กว่า 18,500 ตลับถูกขายในสหราชอาณาจักรในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 เกือบจะเป็น 2 เท่าของปริมาณที่ขายได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ขายได้เพียง 9,753 ตลับ และมียอดขายทั้งปีของปี 2017 ที่ 22,011 ตลับ และส่วนยอดขายทั้งปีของเทป คาสเซ็ทของปี 2016 ได้เพียง 10,912 ตลับ ซึ่งถ้าเราพิจารณาการเติบโตจะพบว่า อัตราเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวตลอด
ความเก่า…ในโลกยุคใหม่
ในสหรัฐอเมริกา ตัวเลขที่เปิดเผยโดย Nielsen Music พบว่า มีผู้ฟังมากกว่า 400 พันล้านรายใช้บริการ streaming ในปี 2017 ทำให้ทั้งอุตสาหกรรมเพลงมีการเติบโตขึ้นมากถึง 12% ในขณะที่ยอดขายเพลงแบบทั้งอัลบั้มยังคงตกลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดขายเพลงแบบ Physical อย่างแผ่นเสียงไวนิลก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา
แม้ว่ายอดขายของแผ่นไวนิลจะเติบโต แต่ก็เป็นการโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป “เทป คาสเซ็ท” ต่างหากที่โตเร็วแบบก้าวกระโดด
เพลงคลาสสิคอย่าง AC/DC และ the Wu-Tang Clan กลับเข้ามาอยู่ในความนิยม มีการออกอัลบั้มคลาสสิคอย่าง Back In Black และ Enter The Wu-Tang (36 Chambers) สำหรับ 2018 Record Store Day
นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งวัน Cassette Store Day เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวเทป คาสเซ็ท ในเดือนตุลาคมของทุกปี และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ค่ายเพลงอิสระก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีเทปพิเศษโดยศิลปินอย่าง Green Day และ White Stripes ไปวางขายในร้านค้าทั่วโลก
Sean Bohrman ผู้ก่อตั้งค่ายเพลง Burger Records ค่ายเพลงที่ออกเทป คาสเซ็ทอย่างเดียวเท่านั้น และคอมมูนิตี้ของคนที่จัดตั้งงานดังกล่าว บอกว่า Cassette Store Day คือม้ามืดที่ช่วยรักษา เทป คาสเซ็ทเอาไว้
“มันคือการแสดงให้ร้านค้าเห็นว่า พวกเขายังสามารถขายเทป คาสเซ็ทได้ เพราะว่ายังมีคนขี้สงสัยอีกหลายคนที่ยังคิดว่านี่คือเรื่องตลกหรือเป็นแค่การระลึกถึงอดีตเท่านั้น” Bohrman กล่าว
ออนไลน์ ทำให้ “เทป คาสเซ็ท” โต
แม้ว่าความพร้อมในการขายของคาสเซ็ท เทป ในร้านจะเติบโตก็ตาม แต่ส่วนใหญ่การฟื้นคืนชีพของเทป คาสเซ็ทนี้เกิดขึ้นผ่านออนไลน์ เทปส่วนใหญ่ถูกซื้อผ่านเว็บไซต์ ในปี 2016 จากหลายๆ ร้านค้าหรือนักฟังเพลงซื้อเทปผ่านทาง Burger โดยตรง การขายผ่านออนไลน์ช่วยรักษาเอกลักษณ์ของการแลกเปลี่ยนซื้อขายเทป คาสเซ็ทของช่วงปี 1980-1990 ซึ่งตรงข้ามกับแผ่นไวนิลที่ลูกค้าชอบซื้อผ่านร้านค้า เพื่อสัมผัสเองจริงๆ ก่อนซื้อ มากกว่า
และสำหรับศิลปินเอง ต้นทุนทางการเงินของการอัดเทปก็ถูกมาก เพียงแค่ 1.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตลับเท่านั้น เมื่อเทียบกับต้นทุนการบันทึกเสียงลงแผ่นไวนิล 5.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเทปนี้สามารถอัดแล้วจัดส่งได้ภายใน 1 วัน
“ความเสี่ยงทางการเงินสำหรับการขายเทป คาสเซ็ทนั้นต่ำมาก ขณะที่การทำแผ่นไวนิลขายได้แน่ๆ แต่ต้นทุนก็สูงด้วยเช่นเดียวกัน” Ari Rosenschein นักดนตรีอิสระ ที่สามรถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชิ้น จาก Seattle กล่าว
เขาเล่าว่า เขาเองได้เริ่มสร้างผลงานดนตรีผ่านการออกเทปตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยม และเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ออกเทปภายใต้ชื่อเล่นของเขาเองร่วมกับสมาชิกของวง Teacher ที่ตอนนี้ได้ขายไปแล้ว
อีกเหตุผลหนึ่งที่ Rosenschein เลือกที่จะทำเพลงออกมาในรูปแบบของเทป คาสเซ็ท ก็เพราะ “มันทำผมนึกถึงช่วงเวลาวัยเยาว์ ช่วงเวลาที่อยู่ไฮสคูล แล้วมีแค่หนังสือกับเทป”
อิทธิพลหนังดัง สู่ “เพลง”
ต้องขอบคุณนักร้องหลายคน เช่น Kylie Minogue, Snow Patrol, 30 Seconds to Mars และ Manic Street Preachers ในการฟื้นคืนชีพของสื่อบรรจุเพลงหลงยุคอันนี้ แต่ “เทป คาสเซ็ท” ไม่เพียงได้รับการคืนชีพจากเหล่านักร้องดังเท่านั้น “เทป คาสเซ็ท” ยังได้รับอานิสงส์จากเพลงประกอบและฉากกิมมิคในภาพยนตร์อย่าง The Guardians of the Galaxy และ Stranger Things อีกด้วย
แม้ว่าจะมีการฟื้นคืนชีพของสิ่งของหลงยุคขึ้นมาก็ตาม แต่ยอดขายของเทปคาสเส็ดมีเพียง 1% ของยอดขายเพลงทั้งหมดของตลาดเพลง ตัวเลขข้างต้นยังคงเทียบไม่ได้กับเม็ดเงินที่หมุนเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมเพลง แต่แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น มีนัยยะของทางเลือกสำหรับศิลปินเพลงใต้ดิน นักดนตรีอิสระ หรือค่ายเล็กๆ เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่ทางเลือก ทางรอด ยังมีอยู่เสมอ ถ้าคุณมองเห็นและจับกระแสได้ทัน!
และสำหรับเด็กยุค ’90 เราเชื่อว่าคุณยังจำได้ถึงการเอาปากกากรอม้วนเทป แล้วรอลุ้นว่าถึงเพลงที่คุณต้องการจะฟังพอดีเป๊ะไหม?