หลังเอไอเอสประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ด้วยสนนราคารวม 12,511 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา นับเป็นอีกครั้งสำคัญที่ธุรกิจสื่อสารตื่นตัวอย่างมาก เพราะการเปลี่ยนมือผู้ถือครองคลื่นครั้งนี้ จะทำให้สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจโทรคมนาคมเปลี่ยนไปทันที โดยคลื่นที่เอไอเอสได้เพิ่มมาจำนวน 10 MHz (5 MHz x 2) จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่าย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของตนเองได้อย่างไรบ้าง วันนี้ Brand Buffet จะไขความกระจ่าง และบอกเล่าถึง 7 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเอไอเอส ดังนี้
1. การันตีคุณภาพ 4G ของ AIS คลื่นมากสุด ก็ดีสุด
สิ่งที่เราทราบกันดีคือวันนี้ 4G เป็นเทคโนโลยีดิจิทัลพื้นฐานที่คนไทยทั่วประเทศใช้ แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า เครือข่าย 4G ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ค่ายมือถือในไทยให้บริการบนคลื่น 1800 MHz เป็นหลัก ดังนั้นเมื่อเอไอเอสได้คลื่น 1800 MHz เพิ่มขึ้นมาอีก 10 MHz (5 MHz x 2) ทำให้ขึ้นแท่นเป็นค่ายมือถือที่มีคลื่น 1800 MHz จำนวน 40 MHz (20 MHz x 2) มากที่สุดในอุตสาหกรรมทันที และการันตีได้ว่าสามารถให้บริการ 4G ที่ดีที่สุด ด้วยแบนด์วิธที่กว้างที่สุด สามารถรองรับลูกค้าได้มากที่สุดนั่นเอง
2. พิเศษ และแตกต่าง ด้วยคลื่น 1800 MHz ที่ติดกัน
ถ้าถามว่าทำไมเอไอเอส จึงประมูลคลื่นเพิ่ม เพราะเดิมก็ให้บริการ 4G ได้ครอบคลุม และเข้าถึงลูกค้าทั่วทั้งประเทศอยู่แล้ว งานนี้เอไอเอสเผยว่า ปกติแล้วเทคโนโลยี LTE (4G) ถ้าจะมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น 1 บล็อก จะมีความยาวคลื่น 40 MHz (20 MHz x 2) เดิมเอไอเอสมีอยู่ 30 MHz (15 MHz x 2) และประมูลครั้งนี้ก็ได้ช่วงคลื่นที่ติดกับของเดิมเพิ่มมาอีก 10 MHz (5 MHz x 2) จึงเกิดเป็นมิติใหม่ของการให้บริการเครือข่ายในประเทศไทย ดังนั้นเอไอเอส จึงเป็นเพียงรายเดียวที่มีคลื่น 1800MHz ยาวต่อเนื่องกันเต็มบล็อก ที่เรียกว่า “Super Block”
3. ช่วงคลื่น “Super Block” ติดสปีด 4G ทั่วไทย
คำถามที่ว่าแล้วเราในฐานะผู้บริโภคจะได้อะไรจาก Super Block? บอกได้เลยว่าลูกค้ามีแต่ได้ กับได้ เพราะการลงทุนของเอไอเอสครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้าที่ใช้ 4G ทั่วประเทศ ได้ความเร็วเพิ่มขึ้น 15-30% โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่ม ที่สำคัญคืออัปสปีดเน็ตให้เลยบนมือถือเครื่องเดิม ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไฮเอนด์ รุ่นท็อป ไปจนถึงหลักราคาพันต้นๆ เรียกว่าถ้าใช้ 4G ได้ ก็เตรียมสัมผัสความเร็วใหม่พร้อมกันทั่วประเทศ เร็วๆ นี้
4. แรงต่อไม่รอแล้วนะ ได้คลื่นปุ๊บ ก็พร้อมให้บริการ 77 จังหวัดปั๊บ
ข้อดีของการประมูลคลื่น 1800 MHz ของเอไอเอสครั้งนี้ คือ เมื่อคลื่นใหม่เป็นย่านความถี่ชนิดเดียวกับที่มีอยู่แล้ว ทำให้เอไอเอสสามารถให้บริการได้ทันที โดยไม่ต้องติดตั้งสถานีฐาน หรืออุปกรณ์เพิ่ม ปัจจุบันเอไอเอสมีสถานีฐาน 4G มากที่สุดในประเทศ กว่า 75,000 แห่ง ด้วยสัญญาณที่ครอบคลุมทั่วไทยกว่า 98 %โดยหลังจากที่ค่ายเก่าหมดอายุสัมปทาน เอไอเอสก็พร้อมให้บริการทันที
5. ลงทุนคลื่นใหม่ มัดใจลูกค้าเดิม พร้อมอ้าแขนรับลูกค้าใหม่
งานนี้ลูกค้าเอไอเอสทั่วประเทศ ยืดอกได้เลยว่า คุณกำลังใช้เครือข่าย 4G ที่ดีที่สุดอยู่ จากการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ใหม่ เมื่อมาผนวกกับคลื่นความถี่เดิม จะสร้างประสบการณ์การใช้งาน 4G ของผู้บริโภคให้ลื่นไหล และรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น และยังพร้อมรองรับพฤติกรรมการใช้งานดาต้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ถือว่าเป็นการให้ความสำคัญกับ “คุณภาพการให้บริการลูกค้า” มาเป็นอันดับ 1 ทำให้สามารถสร้างความเชื่อมั่น และรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ได้
ในขณะเดียวกัน เมื่อคลื่นที่เพิ่มมาทำให้ความสามารถในการรองรับการใช้งาน (Capacity)เพิ่มขึ้นอีก 33% เท่ากับว่าเร็วขึ้น แรงขึ้น คล่องขึ้น เป็นโอกาสอันดีที่จะเชิญชวนให้ลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเอไอเอสได้แบบ Effective สุดๆ
6.นับรวมแล้ว เอไอเอสมีคลื่นมากที่สุดในอุตสาหกรรม! ถึง 120 MHz
การประมูลคลื่นครั้งนี้ยังทำให้สถานการณ์การถือครองคลื่นความถี่โดยรวมเปลี่ยนไป โดยเอไอเอส ขึ้นมาเป็นผู้ที่มีคลื่นในการให้บริการลูกค้ามากที่สุด ถึง 120 MHz (60MHz x 2) ตามมาด้วยทรู 110 MHz(55 MHz x 2) และดีแทค 100 MHz (50 MHz x 2) ซึ่งการให้บริการเครือข่าย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอ และมีประสิทธิภาพ ดังนั้นคลื่นความถี่จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าเครือข่ายพร้อมรองรับผู้ใช้งานได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าใครมีคลื่นในมือมากกว่า ก็เท่ากับว่าชนะตั้งแต่เริ่ม
7. ไม่เคยหยุดลงทุน สร้างเครือข่ายดิจิทัลเพื่อคนไทย
ตั้งแต่ธุรกิจโทรคมนาคมบ้านเรา เปลี่ยนการให้บริการคลื่นความถี่จากเดิมในระบบสัมปทาน มาเป็นการประมูลใบอนุญาต งานนี้ทำให้เห็นกันแบบชัดๆ เลยว่า ถ้าจะต้องลงทุนควักเงิน ใครพร้อมที่จะให้ประเทศ และลูกค้าได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งเอไอเอสถือเป็นค่ายเดียวที่ไม่เคยหยุดพัฒนาเครือข่ายต่อเนื่อง นับเฉพาะเม็ดเงินลงทุนประมูลคลื่นความถี่จาก กสทช. ในระหว่างปี 2012-2018 เอไอเอสได้ประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่คิดเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 144,000 ล้านบาท และได้ลงทุนในโครงข่ายเพื่อให้บริการลูกค้าทั้ง 4G/3G ไปแล้วกว่า 200,000 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน
- ปี 2012 ประมูลคลื่น 2100 MHz จำนวน 30MHz (15 MHz x2) มูลค่า 14,625 ล้านบาท
- ปี 2015 ประมูลคลื่น 1800 MHz จำนวน 30MHz (15 MHz x2) มูลค่า 40,987 ล้านบาท
- ปี 2016 ประมูลคลื่น 900 MHz จำนวน 20MHz (10 MHz x2) มูลค่า 75,654 ล้านบาท
- ปี 2018 ลงนามสัญญากกับ TOT เป็นพันธมิตรใช้คลื่นความถี่ 2100 MHz จำนวน 30MHz (15 MHz x2) ซึ่งมีการชำระค่าโรมมิ่งคลื่นตามสัญญาข้อตกลง
- ปี 2018 ประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz จำนวน 10 MHz (5 MHz x2) มูลค่า 12,511 ล้านบาท