ตลาดทีวีเมืองไทยมูลค่าเกือบ 30,000 ล้านบาทแล้ว และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากหลายปัจจัยมาช่วยดันตลาดให้โต ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ดีขึ้น การแยกครอบครัวใหม่มากขึ้น ทำให้เกือบทุกบ้านของคนไทยมีทีวี ไว้ดูรายการข่าวและความบันเทิงต่างๆ แม้ปัจจุบันความบันเทิงหลากหลายถูกหยิบมาใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือ ที่มีอยู่ติดตัวคนไทยกันทุกคน แต่การดูผ่านทีวียังให้อรรถรสมากกว่า โดยเฉพาะทีวีจอใหญ่ ภาพคมชัดระดับ4k เสียงกระหึ่ม และฟังก์ชั่นครบ แบบจบอยู่ในจอเดียว สามารถเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ตเป็น Smart TV ได้ด้วย นี่ใช่เลย สเปคทีวีของคนไทยในยุคดิจิตอลต้องการ
สอดคล้องกับมุมมองของ มร.ฮิเดคาสึ อิโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เห็นว่า ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อทีวีของคนไทยปัจจุบัน จะมี 3 หลักเกณฑ์เป็นแนวทางเลือกทีวี คือ เลือกฟังก์ชั่นการใช้งาน หรือ ทีวีในรูปแบบ Smart Function เป็นปัจจัยแรก รองลงมาเป็นเรื่องคุณภาพของทีวี ต้องสวยคมสมจริง ส่วนเรื่องสุดท้ายก็วัดกันด้วยราคา ว่าสอดคล้องกับเงินในกระเป๋าหรือคุ้มค่าต่อการจ่ายเงินหรือไม่
ขณะที่เทรนด์ทีวีซึ่งเป็นตัวผลักดันตลาดให้เติบโต จะเป็นทีวีใน 3 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มทีวีคุณภาพของภาพระดับ 4K ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า 16,500 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วน 55% ของภาพรวมตลาด ซึ่งประเมินว่าภายในปี 2020 สัดส่วนจะไปถึง 70% ของภาพรวมตลาด 2.กลุ่มทีวีจอใหญ่ตั้งแต่ขนาด 55 นิ้วขึ้นไป มีสัดส่วน 36% ของภาพรวมตลาด ทำให้ทีวีจอใหญ่กลายเป็นเซ็กเมนต์ใหญ่สุดในตลาดทีวีแล้ว เฉพาะปีนี้มีมูลค่าตลาดถึง 6,900 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่แล้วมีมูลค่า 5,700 ล้านบาท และ 3. กลุ่ม Smart TV ซึ่งตอนนี้มีสัดส่วน 70% ของภาพรวมตลาด ด้วยมูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2020 จะมีสัดส่วนถึง 80% ด้วย
สำหรับเทรนด์ตลาดทีวีเมืองไทย ในเรื่องความต้องการจอขนาดใหญ่ตั้งแต่ 55 นิ้ว และคุณภาพของภาพระดับ 4K ที่บูมเอามากๆ ในปีที่ผ่านมา “พานาโซนิค” มองเห็นโอกาสและทิศทางไม่ต่างจากแบรนด์คู่แข่ง แต่ที่ผ่านมายังไม่พร้อมในการเข้าแข่งชิงเค้กก้อนนี้ จึงไม่ได้มุ่งเน้นเข้าไปทำตลาดมากนัก แต่ปีนี้พร้อมแล้วกับการลุยตลาดเพิ่มยอดขายและมาร์เก็ตแชร์ ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายภาพรวมว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 15% หรือมียอดขาย 4,500 ล้านบาท จากปีที่แล้วมีส่วนแบ่งการตลาด 9% หรือยอดขาย 2,550 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มสินค้า Smart TV ตั้งเป้าหมายว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด 15% หรือยอดขาย 3,100 ล้านบาท ขอเติบโตแบบเท่าตัว กลุ่มทีวีคุณภาพของภาพระดับ 4K ตั้งเป้าเติบโตเป็นพิเศษกว่า 3 เท่าตัว จากยอดขาย 700 ล้านบาท หรือส่วนแบ่งการตลาด 7% เพิ่มขึ้นเป็นยอดขาย 2,450 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 15% ขณะที่กลุ่มทีวีจอใหญ่ 55 นิ้วขึ้นไป ของเพิ่มยอดขายจาก 400 ล้านบาท หรือส่วนแบ่งการตลาด 7% เป็นยอดขาย 1,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 15% ภายในสิ้นปีนี้ด้วย
ถือได้ว่า “พานาโซนิค” ตั้งเป้าหมายท้าทายพอสมควร กับสงครามการตลาดซึ่งรุนแรง เพราะเจ้าตลาดอยู่ 2 แบรนด์ใหญ่ เป็นผู้นำตลาดและทำการตลาดไม่ได้น้อยไปกว่าพานาโซนิคเลย ได้แก่ แบรนด์ซัมซุง และแอลจี คาดว่าสองรายนี้ครองส่วนแบ่งการตลาดรวมกันกว่า 50% อย่างไรก็ตาม เกมนี้พานาโซนิคก็พร้อมลุยเต็มที่ ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อครองส่วนแบ่ง 15% ตามมาเป็นอันดับ 3 ของตลาด
1.ทุ่มงบสัดส่วน 10% ของยอดขาย เพื่อทำการตลาด ภายใต้คอนเซปต์การสื่อสาร Hollywood to Your Home ชูจุดเด่นของทีวี มีคุณภาพได้รับการปรับจูนสีสันโดยทีม Hollywood ให้ตรงกับมาตรฐานของอุตสาหกรรมภาพยนตร์มากี่สุด
2.ขนสินค้าทัพสินค้าใหม่ทำตลาดทั้งหมด 11 ซีรีย์ รวม 20 รุ่น แบ่งเป็นทีวี 4K จำนวน 8 ซีรีย์ รวม 14 รุ่น โดยมีขนาด 55 นิ้วถึง 5 ซีรีย์ เรียกได้ว่ามีให้เลือกหลากหลายรุ่น พร้อมกับเป็นทีวีมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็น Smart Feature หรือ บริการวิดีโอ ออน ดีมานด์ (VOD) และมีแอปพลิเคชั่นสำหรับการเลือกชมความบันเทิงต่างๆ ถึง 6 แอป ได้แก่ Youtube, Netflix, iflix, mono maxx, BUGABOO.TV และ DOONEE
3.การจัดแคมเปญโปรโมชั่น และกิจกรรมการตลาด ภายใต้แคมเปญ “4K Hollywood to your home” ด้วยการให้สิทธิ์ชมภาพยนตร์จากแอปพลิเคชั่น iflix เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ซื้อสินค้าตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคมนี้ และสามารถแลกรับสิทธิ์ได้ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้
เกมการตลาดที่เตรียมไว้นี้ “พานาโซนิค” ก็หวังอย่างยิ่งว่าจะดำเนินธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมาย แต่สงครามการตลาดนี้ก็ไม่ง่าย เพราะมียังมีแบรนด์โซนี่ทำตลาดไล่หลังมาติดๆ บางเดือนก็แซงหน้าขึ้นมานั่งที่ 3 แทนด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าต้องแข่งขันกับคู่แข่งรอบด้านกันทีเดียว