หากกล่าวถึงภาพการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจอสังหาฯในยุค 4.0 คาดว่าหนึ่งในสิ่งที่หลายคนนึกถึงคงเป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงเทคโนโลยีเป็นภาพใหญ่ หรือที่คุ้นเคยกันว่าเป็น พร็อพเทค (Property + Technology) ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเทคโนโลยีพัฒนาระบบเองของผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยเองก็จับมือกับพันธมิตร เช่น สตาร์ทอัพฟินเทค เพื่อพัฒนาระบบที่ช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงานทางธุรกรรมตลอดจนระบบการขอสินเชื่อ
นอกเหนือจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับช่วงพรีเซลล์ อย่าง ระบบการจอง การเสนอขาย การนัดแนะลูกค้าแล้ว ในช่วงหลังการขาย หรือ After Sale ก็ยังได้เห็นผู้ประกอบการอสังหาฯเพิ่มความเข้มข้นแข่งกันนำเสนอเทคโนโลยีใหม่เพื่อจูงใจและอำนวยความสะดวกลูกบ้านมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การควบคุมระบบการทำงานของสาธารณูปโภคส่วนกลาง ตลอดจนการเจาะเข้าไปถึงแต่ละยูนิตด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับลูกบ้านตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นภายในโครงการ อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาทั้งด้านวิถีชีวิตของสังคมสมัยใหม่ ตลอดจนความต้องการของผู้บริโภคในมุมมองใหม่ที่จะได้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น
นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการอาวุโส และ วิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ
ล่าสุด บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงปรับตัวอย่างต่อเนื่องตามปัจจัยเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้น ทั้งเทคโนโลยีและดิจิทัล ส่งผลเชื่อมโยงต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงทำให้บรรดาผู้ประกอบการอสังหาฯต้องปรับตัวและหาแนวทางที่จะรับมือกับปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมนี้
สำหรับ 5 เทรนด์อสังหาฯดังกล่าว สามารถจำแนกได้ดังนี้
1.สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงที่เริ่มเห็นการขยายตัวได้อย่างชัดเจนมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯและบริเวณหัวเมืองต่างๆในต่างจังหวัด เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เข้ามาช่วยพัฒนาให้การใช้จ่ายของผู้คนในยุคนี้สะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมพกเงินสดออกจากบ้านอีกต่อไป
2.เทคโนโลยีการบริการภายในบ้านที่ออกแบบมาเพื่อลดขั้นตอน เพิ่มความสะดวกสบายที่ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการทำงานได้ (Automation Becoming the New Norm) หรือที่หลายคนรู้จักกันในแนวคิดสมาร์ทโฮม สามารถสั่งการผ่านระบบให้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เชื่อมกับเทคโนโลยีทำงานได้ตามคำสั่ง แม้ว่าผู้ใช้งานไม่ได้อยู่บ้านก็ตาม
3.รสนิยมที่ยกระดับความหรูหราของสินค้า และการบริการ (Ultra – High – Net – Worth – Individuals Meets Ultra Luxury Real Estate Market) ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงอย่างชัดเจน โดยในมุมอสังหาฯจะพบว่าคนไม่ได้เลือกซื้อที่อยู่อาศัยเพียงเพราะทำเล ความสะดวกการเดินทางเท่านั้น แต่ยังมองหาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์รสนิยมของผู้อยู่อาศัย ดีไซน์การตกแต่ง และคอนเซ็ปต์ของโครงการ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่มองว่าสะท้อนรสนิยมของพวกเขาได้ไม่น้อย
4.การมองหาชีวิตที่ดี เข้าใกล้ธรรมชาติ เน้นสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น (Seek for Green & Clean Living) แน่นอนว่าในปัจจุบันหลายสิ่งหลายอย่างได้ถูกพัฒนาให้ตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น ทำให้ผู้คนที่มีทางเลือก มองหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางด้านกายและใจก็เป็นอีกสิ่งที่คนในยุคนี้ให้ความสำคัญกันมากขึ้น จนนำไปสู่การเลือกที่อยู่อาศัยที่แวดล้อมด้วยบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่ดี
5.งานบริการหลังการขาย ที่กลายมาเป็นเรื่องหลักในการตัดสินใจซื้อบ้าน (Life at Home Begins after Sales) เทรนด์นี้จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในแวดวงธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขาย และงานบริการหลังการขาย ลดบางขั้นตอนเพื่อช่วยให้ลูกบ้านภายในโครงการได้รับการบริการที่รวดเร็วและพึงพอใจมากขึ้น
4 ยุทธศาสตร์มัดใจลูกค้า
จากการมองภาพ 5 เทรนด์ข้างต้นที่จะเกิดขึ้นแน่ๆในประเทศไทย ปีสองปีที่ผ่านมาทำให้“อารียา”ได้วาง 4 ยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบสนองและตามเทรนด์ของผู้บริโภคในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งประกอบด้วย
- งานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมาและมีคุณภาพ (Aesthetic Design & Premium Quality)
- ความสุขและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Sustainable Happiness)
- นวัตกรรมที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ทุกรูปแบบ (Innovative Living)
- การให้บริการดูแลลูกบ้านตั้งแต่เริ่ม ตลอดจนบริการหลังการขายอย่างสุดความสามารถ (Best In Class After Sales Service)
นวัตกรรม” ไม่ต้องล้ำแต่ใช้ได้จริง
ตัวอย่างเช่นของ Innovative Living ไม่ได้เพียงแต่นำเอานวัตกรรมใหม่ๆล้ำเข้ามาใช้กับลูกค้าบ้านเท่านั้น แต่จะต้องเป็นนวัตกรรมที่เหมาะสมและใช้งานได้จริงด้วย ล่าสุดได้นำเทคโนโลยี Clean Living ระบบแอร์ 2 ระบบเข้ามาช่วยดูแลความสะอาดภายในบ้าน สามารถสั่งให้ระบบทำความสะอาดอากาศไม่ดีภายในบ้านออกไปได้ก่อนเราจะเข้าบ้าน เพื่อให้อากาศภายในบ้านปลอดโปร่ง สะอาด ปราศจากเชื้อโรค รวมถึงระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ควบคุมด้วย Self-Managed Home Automation ผ่าน Application ในสมาร์ทโฟน
รวมไปถึง Recycle Day กิจกรรมคัดแยกขยะเปียก-แห้ง เพื่อช่วยลดขยะให้กับสิ่งแวดล้อม โดยกิจกรรมได้มีพัฒนาระบบในรูปแบบของ Application เพื่อช่วยให้คัดแยกขยะง่ายและสะดวกขึ้น อีกทั้งยังมีแผนจะร่วมมือกับแบรนด์เทคโนโลยีต่างๆที่เกี่ยวกับสมาร์ทโฮมเพื่อช่วยควบคุมน้ำ-ไฟ แผนกรักษาความปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีแผนจะจับมือกับพันธมิตรรายอื่นๆ เพื่อผลักดันการปรับตัวรับเทรนด์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรด้านการเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านรับเทรนด์ Cashless ต่างๆ รวมถึงจับมือกับแบรนด์อื่นๆเพื่อให้รองรับเทรนด์รสนิยมที่ยกระดับความหรูหราของสินค้าและการบริการ
“ส่วนช่องทางเว็บไซต์ Areeya.co.th ได้มีการปรับโฉมใหม่ที่ลูกค้าสามารถหาข้อมูลได้ง่ายและครบถ้วน พร้อมกับชมห้องได้เสมือนจริงผ่านทางเว็บไซต์ไม่ต้องไปถึงโครงการ”
8 โครงการใหม่ครึ่งปีหลัง น่าจับตามอง
นายวิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังว่า อารียา พรอพเพอร์ตี้ จะเปิดตัว 8 โครงการใหม่ มูลค่าลงทุนรวม 7,275 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ The Village บางนา, โครงการ COMO PRIMO บางนา, โครงการ The Colors บางนา และบางบัวทอง, โครงการ Mandarina เอกมัย – รามอินทรา, โครงการคอนโดมิเนียม A Space Mega บางนา 2, โครงการ The Parti เกษตร – นวมินทร์ และ โครงการ Busaba บ้านเดี่ยวแห่งเดียวติดถนนเสรีไทย
สำหรับ 3 โครงการไฮไลท์ ได้แก่ โครงการ Mandarina เอกมัย – รามอินทรา สไตล์ Modern Tropical Town Home มูลค่าลงทุน 950 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น ยูนิตละ 7.5 ล้านบาท, โครงการ The Parti เกษตร – นวมินทร์ โฮมออฟฟิศ มูลค่าลงทุน 800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 11.9 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียม A Space Mega บางนา 2 เป็นโครงการต่อเนื่องจากเฟสแรก ที่สามารถปิดการขายได้ 100% มีมูลค่าการลงทุนรวม 2,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น ยูนิตละ 1.79 ล้านบาท
ภาพรวมของธุรกิจของ“อารียาฯ”ในช่วงครึ่งปีแรกว่า มียอดขายรวม 4,852 ล้านบาท โดยสัดส่วน 65% คือ ยอดขายจากโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 3,107 ล้านบาท และอีก 35% มาจากโครงการแนวสูง มูลค่ารวม 1,745 ล้านบาท เติบโตตามเป้า 10% ตามทิศทางเดียวกับตลาดอสังหาฯ นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ยอดขายในครึ่งปีหลังไว้ที่ 5,045 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายทั้งปีนี้มีมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท
“ความสุขมีตัวตน” ถ่ายทอดคุณภาพชีวิตลูกบ้าน
ธุรกิจอสังหาฯต่างอัดสื่อโฆษณาหรือแคมเปญการตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคได้พูดถึงและจดจำแบรนด์นั้นได้มากขึ้น สำหรับอารียาฯ ในวันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 จึงต้องเร่งสร้าง Brand Voice และ Brand Recognition ให้มากกว่าเดิม เพื่อสู้ศึกชิงลูกค้ามาให้ได้ จึงเปิดตัวแคมเปญใหม่ ชื่อว่า “ความสุขมีตัวตน” โฆษณาคอร์เปอเรทตัวล่าสุด ที่เล่าถึง “ความสุข” คำที่ใครๆก็พูดอยู่เสมอและเป็นคำนามธรรมไม่สามารถจับต้องได้สักที แต่โครงการของอารียาฯ สามารถทำ “ความสุข” ให้มีตัวตนหรือสามารถจับต้องได้ เช่น ตื่นเช้ามาสูดอากาศสดชื่นพร้อมดื่มกาแฟ ว่ายน้ำส่วนตัวแบบชิลๆ การได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นต้น เพราะอารียาเข้าใจความต้องการผู้บริโภคและมีความใส่ใจทุกด้านสำหรับการอยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นทำเล ดีไซน์ นวัตกรรม และ บริการหลังการขาย เพื่อทำให้ลูกบ้านอยู่แล้วมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข และรอยยิ้ม
นอกจากนี้ “ความสุขมีตัวตน” นับเป็นการ Refresh แบรนด์อารียาใหม่ในรอบหลายปี ทั้งเรื่องราวและ mood&tone ทำให้สะท้อนภาพลักษณ์ความสดใส ทันสมัย ความใส่ใจลูกค้า เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น และนับเป็นการประกาศศึกในวงการอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง