ผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ดฉบับที่ 7 ประจำปี 2561 หรือ Mastercard Global Destination Cities Index, GDCI 2018 ระบุอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไทยยังเป็นเพียงประเทศเดียวจากผลการสำรวจทั่วโลกที่มีเมืองท่องเที่ยวถึง 3 แห่ง ติดอยู่ใน 20 อันดับแรก
สำหรับ GDCI 2018 เป็นการจัดลำดับเมืองต่างๆ โดยวัดจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าที่มีการพักค้างคืนทั้งหมด รวมถึงการใช้จ่ายข้ามพรมแดนในเมืองจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกันนี้ในปี 2560 พร้อมคาดการณ์ถึงจำนวนนักท่องเที่ยวและอัตราการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในปี 2561 โดยการจัดลำดับในครั้งนี้ได้เพิ่มเมืองจุดหมายปลายทางเป็น 162 เมือง จากปีที่ผ่านมาสำรวจใน 132 เมือง ตามข้อมูลอ้างอิงที่เปิดเผยต่อสาธารณะของแต่ละประเทศ
ตามผลสำรวจ กรุงเทพฯ คือสุดยอดเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของโลกที่นักท่องเที่ยวต้องการมาเยือนและพักแรมมากที่สุด นับเป็นการครองอันดับ 1 เป็นครั้งที่ 5 ในรอบหกปี (นับจากปี 2555) และเป็นการครองตำแหน่งต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ที่สำคัญในปีนี้ยังมีภูเก็ตและพัทยาติดโผเข้ามาอยู่ใน 20 อันดับแรกด้วย โดยภูเก็ตอยู่ในอันดับที่ 12 และพัทยาอยู่ในอันดับที่ 18
รวมทั้งยังเป็นปีแรกที่ภูเก็ตก้าวเข้ามาอยู่ใน Top 10 เมื่อจัดอันดับเมืองตามมูลค่าการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการรวมภูเก็ตและพัทยาเข้าไว้ในการสำรวจส่วนนี้
ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพักแรมในกรุงเทพฯ มีจำนวนสูงถึงกว่า 20 ล้านคน ทำให้สามารถเบียดลอนดอน (19.83 ล้านคน) ให้รั้งอันดับสองอีกครั้งเหมือนในปีที่ผ่านมา โดยชาติที่มาเยือนประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับปี 2560 ที่ผ่านมา
โดนัลด์ ออง ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ของมาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “การที่มีเมืองที่น่าเที่ยวถึง 3 แห่งของไทยติดอยู่ใน Top 20 ตอกย้ำถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานที่มีเสถียรภาพ การผสมผสานที่ลงตัวทั้งในเรื่องงานและการพักผ่อน รวมไปถึงเสน่ห์ในวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยที่ใครๆ ต่างหลงใหล ยิ่งกว่านั้น ความพยายามจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หรือหน่วยงานกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการรักษาระดับการเติบโตที่เหนือกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้ต่อเนื่องต่อไป”
ประกอบกับการที่ประเทศไทยมีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกหลายรายการในปีที่ผ่านมา และรัฐบาลไทยได้ขยายข้อยกเว้นให้แก่นักท่องเที่ยวที่พักระยะสั้น และมีการเพิ่มจุดตรวจคนเข้าเมืองพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพต่างๆ ในกรุงเทพฯ ไม่แพงเท่าเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น ปารีส สิงคโปร์ หรือกรุงโซล เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้กรุงเทพฯ ยังคงครองอันดับ 1 ในสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลก รวมทั้งภูเก็ตที่ปีนี้สามารถติดติดหนึ่งใน Top 10 ของเมืองที่นักท่องเที่ยวมีการจับจ่ายมากที่สุด”
นอกจากนี้ยังพบว่า ทุกเมืองทั้ง 10 จุดหมายปลายทางจากการสำรวจของปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักแรมเพิ่มขึ้นทั้งหมด ยกเว้นกรุงโซล ที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่พักแรมลดลง แต่คาดว่าในปี 2561 นี้ ทุกเมืองน่าจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งอิสตันบูล มีแนวโน้มที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากที่สุด
ขณะที่การใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวในแต่ละเมืองยังมีความแตกต่างกัน โดยดูไบยังคงเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเงินมากที่สุดเมื่อพักค้างคืน โดยเฉลี่ยต่อวันต่อคนอยู่ที่ 537 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (หรือราวๆ 17,500 บาท) ตามมาด้วยเมืองเมกกะ ในซาอุดิอาราเบีย ซึ่งติดอันดับเป็นครั้งแรกรวมทั้งน้องใหม่อีกสองเมืองคือ ปัลมา เด มายอร์กา ในสเปน และภูเก็ตของไทย โดยในบรรดาเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดนั้น อิสตันบูล เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายต่อวันต่ำสุดอยู่ที่ 108 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (หรือราวๆ 3,500 บาท) เท่านั้น
ด้าน มิเกล กามิญโญ จูเนียร์ รองประธานฝ่ายบริหารเมืองสากลของมาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจสังคมเมืองยุคใหม่ในหลายๆ แห่ง เพราะช่วยยกระดับเศรษฐกิจและเติมเต็มความพึงพอใจให้ทั้งผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองและผู้มาเยือน ทำให้หลายๆ เมืองพยายามเร่งยกระดับมาตรฐานในการพัฒนาสิ่งแปลกใหม่ เพื่อให้สามารถส่งมอบทั้งความทรงจำและประสบการณ์ดีๆ แก่นักท่องเที่ยว”
ขณะที่มาสเตอร์การ์ดได้ร่วมมือกับหลายๆ เมืองทั่วโลก เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและเทคโนโลยีที่ช่วยดึงดูดและอำนวยความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวในทุกๆ การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเรื่องของงาน หรือเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนก็ตาม รวมทั้งการรักษาเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์ทำให้จุดหมายปลายทางนั้นๆ มีความพิเศษที่จะดึงดูดให้ผู้คนมาเยือนตั้งแต่แรก ผ่านการทำงานร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย ทั้งในส่วนของการท่องเที่ยว การวางแผนเมือง ธนาคาร รวมถึงร้านค้าต่างๆ ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย เพื่อเป้าหมายต่อไปนี้
– สามารถบ่งชี้และช่วยบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ที่ท้าทายชีวิตคนเมืองด้วยโซลูชั่นด้านดิจิทัลและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยไม่นานนี้ มาสเตอร์การ์ดได้เปิดตัว City Possible ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับสากลสำหรับเมือง สถาบันวิจัย และองค์กรธุรกิจในภาคเอกชน เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่อาจส่งผลถึงหลายฝ่ายผ่านความร่วมมือและประสานงานกัน ในการเข้าถึงบริการสำคัญในเมืองต่างๆ ได้อย่างสะดวก อาทิ บริการขนส่งมวลชน ในกว่า 100 เมือง (และเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ) ที่ให้นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่สามารถใช้บัตรมาสเตอร์การ์ดที่มีอยู่แล้วชำระค่าเดินทางได้ทันทีด้วยเทคโนโลยีของมาสเตอร์การ์ด
– เพื่อให้ผู้คนได้เดินทางท่องโลกด้วยความอุ่นใจ โดยมอบแผนการเดินทางที่สะดวกสบาย พร้อมการเชื่อมต่อที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด สู่จุดหมายปลายทางได้อย่างไร้กังวล ด้วยการตอบรับที่ดีจากผู้ค้าหลายล้านแห่งทั่วโลก
– สร้างประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ด้านอาหาร บันเทิง และการช้อปปิ้ง ในเมือง Priceless Cities 42 แห่งทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพฯ ลอนดอน ปารีส และอีกมากมายในรายการ
Photo Credit : NUMBER 24- Authorized Shutterstock Partner in Thailand