หลังได้เปิดตัวทำตลาดมา 3 เดือน เจดีเซ็นทรัล (JD CENTRAL) มั่นใจว่าได้เดินมาถูกทางแล้ว เพราะยอดขายทำได้สูงกว่าเป้าหมายถึง 15 เท่า มีอัตราการกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ 2% เติบโตด้านยอดขาย 179% จำนวนสินค้าสั่งซื้อกัน 4 ชิ้นต่อบิล แค่ 3 เดือน เจดีเซ็นทรัล ก็ขึ้นมาอยู่ใน Top of mind ในใจลูกค้าคนไทยอันดับ 3 สามารถพรหมการเข้าถึงลูกค้าได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ แถมยังทำการตลาดออนไลน์ สร้างยอด LINE Official account ได้ถึง 3 ล้านราย
สิ่งที่ทำให้ เจดีเซ็นทรัล ได้ผลงานเกินเป้าหมายอย่างนี้ เป็นผลจากการชูจุดขายในเรื่อง “ของแท้ 100%” ซึ่งเป็น Paint Point สำคัญ ส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าทางออนไลน์ หลายครั้งจะพบข่าวการซื้อสินค้าแล้วไม่ใช่ของแท้ หรือบางทีสิ่งที่ “สั่ง” กับสิ่งที่ “ส่ง” มาให้ลูกค้า เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ลูกค้าเก่าก็เข็ด ลูกค้าใหม่ก็ไม่กล้าเข้ามาซื้อสินค้า จุดนี้แหละ เจดีเซ็นทรัล มองว่าตลาดไทยปัญหานี้ สำคัญสุด มากกว่าปัญหาเรื่องราคา หรือ การบริการด้วยซ้ำ แต่องค์ประกอบอื่นก็ต้องเสริม เพิ่มประสิทธิภาพเข้ามาด้วย
มร.วินเซนต์ หยาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจดีเซ็นทรัล เล่าว่า ภายหลังจากได้เข้ามาดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยได้ครบ 1 ปี พบว่าคนไทยยังไม่มั่นใจในธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากนัก จึงทำให้ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือให้เกิดกับแบรนด์ ด้วยการใช้ตัวมาสคอต เป็นหมาชื่อ JOY เนื่องจากต้องการเน้นให้ถึงเรื่องความซื่อสัตย์ และเชื่อมั่นระหว่าง เจดีเซ็นทรัลและลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องสินค้าของแท้ 100% โดยหากลูกค้าพบว่าสินค้าปลอม ยินดีคืนเงินให้ 3 เท่า
สำหรับแผนธุรกิจในปีหน้า ได้วางแผนเพิ่มบริการการจัดส่งสินค้าให้ได้ภายวันเดียว (Same Day Delivery) ด้วยการเตรียมเพิ่มคลังสินค้าใหม่อีก 3 แห่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และอีก 2 แห่งในภาคอีสานและภาคใต้ จากปัจจุบันมีคลังสินค้าแล้ว 2 แห่งในกรุงเทพฯ ส่วนการจัดส่งให้ได้ภายในวันเดียวในพื้นที่กรุงเทพฯ คาดว่าจะเริ่มได้ภายในสิ้นปีนี้ และภายในปีหน้าคาดว่าจะสามารถให้บริการส่งสินค้าแบบวันเดียว ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้ครอบลูกค้ามากกว่า 25 ล้านคน
ในปีหน้าทาง เจดีเซ็นทรัล ยังเตรียมนำร่อง นำระบบเทคโนโลยี “อีโลจิสติกส์” มาทดลองใช้ ในการจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ (Autonomous Warehouse Robots) ซึ่งช่วยทุ่นแรงมนุษย์และลดต้นทุนได้อย่างมาก ทำให้งานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สามารถเพิ่มประโยชน์ใช้สอยพื้นที่ในคลังสินค้าได้ถึง 500% หรือยานยนต์ส่งสินค้าไร้คนขับ (Autonomous Delivery Vehicle) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมแบบเมืองที่มีความหนาแน่นสูง สามารถรับสินค้า ที่สถานีจัดส่ง และเดินทางนำไปส่ง จุดรับสินค้าตามที่กำหนดได้โดยอัตโนมัติ เหล่านี้คือนวัตกรรมด้านอีโลจิสติกส์จากเจดีเซ็นทรัลที่ผสานเทคโนโลยี Big Data และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้าไว้ด้วยกัน
“การเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย ไม่ได้มุ่งแค่การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่จะส่งเสริมธุรกิจ Digital Ecommerce และส่งเสริมการทำธุรกิจคนไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหน้าร้าน Digital Platform บนเว็บไซต์ การส่งสินค้าไทยไปทำตลาดในประเทศจีน การให้ความรู้กับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทำธุรกิจออนไลน์ และการส่งสินค้า OTOP ของไทยขายทั่วโลกผ่าน Platform Online”มร.วินเซนต์ เล่าถึงการเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย