ในสมรภูมิการแข่งขันของดิจิทัล เอเยนซี่ที่ดุเดือดเลือดพล่าน ผู้ที่พร้อมและมีอาวุธครบมือที่สุดถึงจะประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกับ adapter digital agency ที่ขยับตัวครั้งใหญ่ สู่การเป็น “adapter digital group” (อะแด๊ปเตอร์ ดิจิตอล กรุ๊ป) แม้จะยืนหยัดอยู่ในธุรกิจนี้มานาน ตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่ดิจิทัลเป็นสื่อทางเลือก จนมาถึงยุคที่ดิจิทัลเป็นสื่อเนื้อหอมที่ “ต้องมี” และช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาจากสื่อดั้งเดิมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดมีมูลค่า 14,973 ล้านบาท เติบโต 21% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% ของเม็ดเงินโฆษณาโดยรวม
ดังนั้น เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต และเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่ง adapter digital group จึงปักหมุดสำนักงานแห่งใหม่ ณ ตึกเพิร์ล ย่านอารีย์พร้อมเปิด 2 หน่วยธุรกิจใหม่ adapter analytica และ adapter innovation เพิ่มเติมจาก adapter digital agency ที่เป็นธุรกิจเดิมเพื่อตอกย้ำความเป็น Digital Expertise ที่เข้าใจใน Digital Ecosystem แบบทะลุปรุโปร่ง พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในเรื่องของการนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ได้แบบครบวงจร
รังใหม่…ใหญ่กว่าเดิม
หลังจากย้ายมาปักหลักลงฐานได้ราวเดือนเศษ บนชั้น 7 และบางส่วนของชั้น 6 ตึกเพิร์ล กรุงเทพฯ ย่านอารีย์ รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 2,200 ตร.ม. อรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานกรรมการบริหาร adapter digital group ก็ได้ฤกษ์เปิดให้ Brand Buffet ได้เยี่ยมชมอย่างเป็นทางการ พร้อมบอกเล่าถึงทิศทางและแผนธุรกิจเชิงรุกที่น่าสนใจ
“ออฟฟิศใหม่ของเราใหญ่ขึ้น และมี Facilities เยอะขึ้น ทำให้ไม่มีอุปสรรคในการเปิดรับลูกค้าใหม่ๆ ในอนาคต จากเดิมที่เราขยับขยายทีมไม่ได้มากเพราะติดขัดในเรื่องพื้นที่ แต่ตอนนี้เรารองรับพนักงานได้สูงสุดถึง 180 คน สาเหตุที่เราเลือกตึกเพิร์ล เพราะเป็นตึกใหม่ที่มีเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคม เช่น อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงรองรับเป็นอย่างดี และยังตั้งอยู่ในย่านฮิป ๆ อย่างอารีย์ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเอเยนซี่ด้วย”
“สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ใช้สอย ในชั้น 7 เราแบ่งที่นั่งประจำสำหรับพนักงานแต่ละคนออกเป็นโซนของ AE, Strategy และ Media planner ที่จะนั่งอยู่ด้วยกันรวมถึงหน่วยธุรกิจใหม่อย่าง adapter analytica อีกด้วย ส่วนอีกโซนหนึ่งเป็น Creative, Designer และ Social ซึ่งแบ่งตามรูปแบบการทำงานที่ใกล้ชิดกันเป็นหลัก ส่วนชั้น 6 เป็นแผนกหลังบ้านอย่างฝ่ายบุคคลและบัญชีและหน่วยธุรกิจใหม่ adapter innovation ขณะเดียวกันก็มีพื้นที่ในลักษณะของ Co-working space ที่ดูผ่อนคลายด้วยโซฟาหนัง และเก้าอี้สารพัดดีไซน์ กระจายตัวอยู่ตามมุมต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์เหมือนนั่งทำงานในร้านกาแฟเก๋ ๆ นอกจากนี้ยังมีโซน Arena ที่ออกแบบมาคล้ายกับทาวน์ฮอลล์ที่เปิดฝ้าโล่ง เพื่อเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โอเพ่น เฮ้าส์ และเวิร์คช็อปอัพเดทเทรนด์กับพาร์ทเนอร์ โดยบริเวณใกล้เคียงกันนั้นยังเป็นโซนแพนทรี่สำหรับชงกาแฟและตระเตรียมอาหารด้วย”
บ้านใหม่ของ adapter digital group ตกแต่งในสไตล์สไตล์คลาสสิก ลอฟท์ โดยฝีมือของ Archiplan ซึ่งเคยออกแบบและตกแต่งสำนักงานให้กับ adapterdigital agency มาแล้ว รวมถึงมีผลงานเด่นอย่างการออกแบบและตกแต่งอุทยานการเรียนรู้ TK Park
แม้จะใช้สีดำและเหล็กเป็นวัตถุดิบหลักในการตกแต่ง แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดหรือทำให้เกิดบรรยากาศที่เคร่งเครียดแต่อย่างใด เพราะเพดานสูงถึง 3.5 เมตร และบางส่วนก็เปิดโล่งสูงถึง 5 เมตรต่างจากสำนักงานส่วนใหญ่ที่จะมีเพดานสูงเพียง 2.5 เมตรเท่านั้น ทำให้ดูโล่ง โปร่งสบาย กอปรกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยพรรณไม้เทียมนานาชนิดที่ถูกจัดเป็นสวนแนวตั้งตามเสาและผนัง รวมถึงการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ก็ช่วยเพิ่มความอบอุ่นในสไตล์โฮมมี่ได้เป็นอย่างดี และถึงแม้จะเป็นสำนักงานยุคใหม่ใจกลางเมืองในตึกใหม่รายล้อมด้วยกระจกแบบ 360 องศาแต่ก็เป็นอาคารประหยัดพลังงาน เพราะใช้กระจกพิเศษที่สามารถลดทอนและกรองรังสียูวีให้เล็ดลอดเข้ามาเพียง 5% ทำให้สามารถนั่งทำงานได้แบบชิลล์ๆ และรื่นรมย์กับวิวโดยรอบได้อย่างสบายใจ
นอกจากนี้ยังเพิ่มสีสันด้วยการนำวัตถุดิบสองอย่างที่ดูแตกต่างกันอย่างสุดขั้วมาไว้ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน เช่น ชื่อและโลโก้ของบริษัทฯ แบบแอลอีดีที่ติดตั้งอยู่บนผนังสนิมขัด ให้กลิ่นอายของความเป็นอินดัสเตรียล และความทันสมัยอยู่ในคราวเดียวกัน
เพื่อให้สมกับเป็นดิจิทัล เอเยนซี่ ระดับแถวหน้า ที่มีรายได้เติบโต 43% สำนักงานแห่งนี้ได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยี Face Scan เข้ามาใช้ โดยกล้องจะทำหน้าที่ตรวจจับใบหน้าของพนักงานแต่ละคนและระบุตัวตนได้ เพื่อใช้ในการผ่านเข้าออก และถือเป็นการเช็คชื่อไปในตัว โดยไม่ต้องใช้บัตรพนักงานหรือสแกนลายนิ้วมือแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังใช้เป็นลูกเล่นในการต้อนรับลูกค้าและแขกเหรื่อต่าง ๆ ที่มาประชุมที่ adapter digital group เท่านั้นยังไม่พอทุกห้องประชุมมีการนำ Samsung Flipboard นวัตกรรมเด่นของลูกค้ารายใหญ่อย่าง Samsung มาใช้เพื่อระดมความคิดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้าง Innovative Environment ให้กับทุกคนในออฟฟิศ
adapter analytica – adapter innovation2 หน่วยธุรกิจใหม่ เจาะใจลูกค้า
สำหรับการเปิด 2 หน่วยธุรกิจใหม่ ได้แก่ adapter analytica และ adapter innovation นั้น ก็ถือเป็นปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น โดยหน่วยธุรกิจแรกอย่าง adapter analytica จะทำหน้าที่จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้น ผ่านเครื่องมือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ส่วนหน่วยงานหลังอย่าง adapter innovationจะทำหน้าที่สรรหานวัตกรรมที่เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้า ซึ่งมีทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วและพัฒนาขึ้นมาใหม่มาผสมผสานในการสร้างประสบการณ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคให้ดีขึ้น อีกทั้งยังมี Innovation Lab ให้พนักงานสามารถเข้าไปทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้กับงานของด้วยตัวเองได้อีกด้วย
“เราก้าวข้ามมาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีดิจิทัล เอเยนซี่ จนฮิตและมีดาษดื่นมาก ๆ กลายเป็นธุรกิจเรด โอเชี่ยน ไปแล้ว แต่ตอนนี้คือยุคของตัวจริง ต้องเป็นดิจิทัล เอเยนซี่ที่นำพาแบรนด์ไปสู่เป้าหมายได้ เราวางจุดยืนเป็น Digital Ecosystem Expertise ที่มีความคิดสร้างสรรค์และให้บริการครบวงจรสามารถปรับเปลี่ยนและเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา สิ่งที่เราเดลิเวอรี่ให้กับลูกค้าคือ Effectiveness ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของเขาให้เติบโต เพราะลูกค้าคาดหวังเยอะขึ้น ดิจิทัลไม่ใช่แค่ลูกเล่น ไม่ใช่ Complementary ไม่ใช่ของโชว์ แต่จะต้องทำให้เกิดผลบางประการที่ชัดเจน ลูกค้ายังต้องการที่ปรึกษาและนำพาเขาก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา ด้วยวัฒนธรรมองค์กรของเราที่อยากจะทำสิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในวงการโฆษณา จึงทำให้งานของเราแตกต่าง เราคงไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้ ถ้าเรายังทำแบบเดิม ๆ เราจึงต้องมี adapter analytica ที่เป็นทีม Data Intelligence มาซัพพอร์ทเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อหาโอกาสให้กับแบรนด์ เป็นขุมพลังใหม่ที่มาช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ได้ แต่เราจะไม่แนะนำให้ลูกค้าทำทุกอย่าง ต้องโฟกัสและเลือกทำตัวที่ ROI ดีที่สุดสำหรับเขา”
ด้านรูปแบบการทำงานที่เป็นหัวใจหลักในการที่จะนำพาให้ adapter digital group ประสบความสำเร็จมากขึ้นก็คือการจัดตั้ง Brand Team ขึ้นมา ปัจจุบันมีเกือบ 30 ทีม โดยเป็นคนจากแผนกต่าง ๆ รวมทีมมาทำงานให้กับลูกค้าแต่ละแบรนด์ ก่อเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเดลิเวอร์งานให้กับลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ด้วยการถือ KPIs ของแบรนด์ แทนที่จะเป็น KPIs ของแผนกเหมือนที่เคยเป็นมา และพนักงานแต่ละคนไม่ว่าจะทำตำแหน่งอะไร แผนกไหนก็จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในบริบทต่าง ๆ ของแบรนด์เท่าเทียมกัน เพื่อให้ทุกคนช่วยกัน ไม่มีใครฉุดกระชากลากทีมเพียงลำพังรวมถึงการสร้าง Data Mindset และความคุ้นเคยกับนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับทุกคนในทีมทางบริษัทฯ จึงจัดเทรนนิ่งและเวิร์คช็อปเพื่ออัพเดทเรื่องราวใหม่ ๆ ตลอดจนทักษะที่จำเป็นเพิ่มเติมให้กับพนักงานอยู่เสมอ
ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯมีทั้งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม และสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งส่วนใหญ่ใช้บริการ adapter digital group มาไม่ต่ำกว่า 5 ปี จนกลายเป็น Soul business partner ที่มีความสัมพันธ์จริงใจและมีเป้าหมายเดียวกันเป็นกลยุทธ์สำคัญในการปั้นธุรกิจให้เติบโตแล้ว ยังตั้งเป้าให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีอัตราการเติบโตดีด้วย เพื่อเพิ่มเติมความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอ ก็คือ ยานยนต์ ธนาคาร และสกินแคร์ ขณะที่ลูกค้าแบรนด์ต่างประเทศ ที่กำลังจะเข้ามาเติมพอร์ทเร็วๆ นี้ คือ แบรนด์เครื่องสำอางจากเกาหลี
“เราไม่ได้มองหาแบรนด์ที่ใช้จ่ายงบสูงๆ โจทย์ของเราคือทำอย่างไรจะโตไปกับลูกค้าเรามองเป้าหมายระยะยาว มองการเรียนรู้ระหว่างเรากับลูกค้า ไปด้วยกัน ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วเป็น Soul business partner “
นอกจากนี้ ก้าวที่สำคัญของ adapter digital group ก็คือ การขยายธุรกิจด้วยการบุกตลาดเออีซี เพื่อบริการลูกค้าที่ต้องการขยายตลาดไปยังกัมพูชา ลาว และเมียนมา โดยทำงานร่วมกับโลคอล เอเยนซี่ ที่มีความรู้ ความเข้าใจในวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดนั้น ๆ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยเฉพาะโซเชี่ยล ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์และดาต้าของบริษัทฯ อีกทั้งยังเตรียมตัวบุกตลาดจีน และฮ่องกงเพิ่มเติมอีกด้วย