นับตั้งแต่ซิตี้แบงก์เปิดให้บริการโมบายล์ แอปพลิเคชั่นมาตั้งแต่ปี 2014 ปรับเปลี่ยนโฉมมาเรื่อย ๆ กระทั่งล่าสุดได้รับการพัฒนา “ซิตี้โมบายล์ แอปพลิเคชั่น” ให้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างรู้ใจ ใช้งานง่าย เพื่อให้ผู้บริโภคยุคใหม่ หรือนักช้อปยุค 4.0 มีอิสระในการทำสิ่งต่างๆ ได้ครบวงจรมากขึ้น หรือ Freedom to do more เพราะทุกเรื่องการเงินที่เคยยุ่งยาก จะกลายเป็นเรื่องสบายกว่าเคย ที่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำ และการยึดความต้องการของผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนธุรกิจ
วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย บอกถึงความเคลื่อนไหวและทิศทางธุรกิจของซิตี้แบงก์ในปีนี้ว่า “เราลงทุนทำการตลาดมากกว่าปีที่ผ่าน ในแทบทุกผลิตภัณฑ์ เช่น การเปิดตัวบัตรซิตี้ พรีเมียร์ มียอดสมัครเพิ่มขึ้น 25% โดยเฉลี่ยในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น กิจกรรม Dining สุดพิเศษ รวมถึงมีแฟชั่นโชว์ร่วมกับ Vatanika เป็นต้น ซึ่งทำให้ฐานลูกค้าบุคคลธนกิจของเราเติบโตขึ้น 16% โดยเฉพาะพรีเมี่ยม เซ็กเมนท์”
ซิตี้แบงก์เดินหน้าลงทุนด้าน Digital Banking Experience อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ดีที่สุด สะดวก ง่าย เร็ว และปลอดภัย ลดความกังวลใจของลูกค้า โดยโมบายล์ แอปพลิเคชั่น โฉมใหม่ นี้จะทำให้ชีวิตของลูกค้าเป็นอิสระมากขึ้น ซึ่งปกติแล้วลูกค้าของซิตี้แบงก์มีพฤติกรรมการใช้งานแอปฯ อยู่แล้ว จะเห็นได้จากยอดดาวน์โหลดแอปฯ ซิตี้แบงก์เพิ่มขึ้น 50% ปีต่อปี ขณะที่ยอดใช้งานเพิ่มขึ้น 70% ปีต่อปี เลยทีเดียว
“อะไรที่ทำในออนไลน์ได้ เราอยากให้ลูกค้ามาใช้บริการในแอปฯ เพราะมันง่าย รวดเร็ว สะดวก มีเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นกับครอบครัว
ด้าน ประทีบ คามัคค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายดิจิทัล แบงก์กิ้ง ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแอปฯ โฉมใหม่ของซิตี้แบงก์ว่า “เพราะเวลามีค่าสำหรับลูกค้ามากที่สุด แอปฯ ใหม่ของเราจึงเน้นฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับลูกค้าแต่ละรายเท่านั้น อะไรที่ไม่จำเป็น ไม่ได้ใช้ก็จะไม่โชว์ให้เห็น เช่น ลูกค้าบัตรเครดิตไม่เคยใช้บัญชีเงินฝาก ก็จะไม่เห็นฟีเจอร์นี้ จากเดิมที่ในแอปฯ จะปรากฎให้เห็นทุกอย่าง นอกจากจากพัฒนาให้สามารถใช้งานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยัง Personalized มากขึ้นด้วย โดยจะเริ่มพัฒนาเป็นเฟส เฟสแรกจะทำเฉพาะเครดิตการ์ด เฟสถัดมาจะเริ่มในปี 2019 ซึ่งเป็นการพัฒนารีเทล แบงก์กิ้ง”
แอปฯ ใหม่ของซิตี้แบงก์ได้รับการทดลงกับลูกค้าในเวอร์ชั่นเบต้ามานานกว่า 6 เดือน และได้รับการปรับปรุงแก้ไขก่อนจะเปิดบริการนี้พบกว่า 8 ใน 10 ของลูกค้าชื่นชอบ และยินดีที่จะแนะนำให้เพื่อนใช้ มีจุดเด่นหลายประการด้วยการออกแบบให้ทุกอย่างจบที่หน้าเดียว (Everything at a glance) จะสไลด์ซ้ายขวา ปัดขี้นบนล่าง กดปุ่มเมนูด้านล่างแอคเซสทุกอย่างได้ ใช้ได้กับบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ที่มีทุกใบ
“จากหน้าแรกเป็นจุดเริ่มของทุกอย่าง แค่กวาดตามองแป๊บเดียวก็จะรู้ว่าจะทำอะไรต่อได้บ้าง รู้ว่าวงเงินสินเชื่อ วงเงินคงเหลือเท่าไหร่”
โดยฟีเจอร์เด่นที่ได้รับการออกแบบเพื่อแก้ Pain point ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีก็คือ View E-Statement การดูสเตทเมนท์ย้อนหลังได้ 12 เดือน และสามารถดาวน์โหลดเก็บไว้ได้ด้วย นอกจากนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของ Payment & Financial Options ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าแบ่งชำระได้ในจำนวนเงินที่ต้องการตั้งแต่ตอนรูดบัตรได้เลย โดยระบบแบ่งชำระนี้จะรายงานให้เห็นว่าแต่ละเดือนจะต้องผ่อนชำระเท่าไหร่ พร้อมโชว์ดอกเบี้ยให้เห็นชัดเจน รวมถึงการเปลี่ยนวงเงินบัตรเครดิตเป็นเงินสด ด้วยการทำรายการเงินสดส่งออนไลน์ เป็นควิกแคชโอนเข้าบัญชีธนาคารไหนก็ได้ในประเทศไทย และจะได้รับเงินสดภายในวันทำการถัดไป หรือภายใน 1 วันทำการ
ที่สำคัญยังเน้นความปลอดภัยที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย ด้วยระบบ Card Lock กรณีทำบัตรเครดิตหาย, หาไม่เจอ หรือไม่แน่ใจว่าลืมไว้ที่ไหน ก็ปิดล็อคการใช้งานชั่วคราวได้ เพื่อไม่ให้คนอื่นทำไปใช้โดยมิชอบ อุ่นใจได้ว่าหากมีใครเก็บบัตรไปได้ ก็ไม่สามารถใช้งานได้ ทรานแซคชั่นที่เกิดขึ้นจะถูกปฏิเสธทั้งหมด แต่ถ้าเมื่อใดที่หาเจอแล้วก็ปลดล็อคได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเสียเวลา วุ่นวายโทรไปคอลเซ็นเตอร์เพื่ออายัติบัตร และรอบัตรใบใหม่ , ATM Pin Change ถ้าลืมรหัสก็รีเซ็ทแล้วกดเงินสดได้เลย จากปกติหากจะเปลี่ยนรหัสใหม่ จะต้องใช้รหัสเก่าเพื่อผ่านเข้าไปใช้บริการก่อน, Citi Mobile Token ไม่ต้องรับ SMS ที่แจ้ง OTP สะดวกในกรณีอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ หรือกรณีเปลี่ยนเบอร์มือถือ แต่ยังไม่ได้แจ้งกับธนาคาร โดย Citi Mobile Token จะทำหน้าที่เหมือน Pin ที่จะใช้ยืนยันตัวตน ไม่ต้องมารอ SMS ก็ทำรายการได้
ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ Pay to card with QR Code สแกนสะดวกด้วยมือถือ ครอบคลุมจุดรับชำระเงินได้มากขึ้น สามารถเอาแอปฯ ของธนาคารอื่นมาสแกนก็ทำได้เลย ไม่ต้องวิ่งไปจ่ายตามบิ๊กซี เทสโก้ โลตัส เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าให้มีอิสระไปทำกิจกรรมโปรดอื่น ๆ
ไม่เพียงเท่านี้ซิตี้แบงก์ยังทำให้การใช้งานในต่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น หากเกิดกรณีหรือความต้องการที่จะวอยด์บิลหรือยกเลิกยอดรูดบัตร ก็แจ้งผลทันที ไม่ต้องรอเรียกเก็บ รวมถึงแจ้งผลการใช้งานแบบเรียลไทม์ ทรานแซคชั่น โดยลูกค้าจะเห็นว่ารายการนั้นจะถูกคอนเวิร์ทมาเป็นค่าเงินไทยบาทเท่าไหร่ โดยประมาณการณ์ ทั้งหมดนี้จะทำลูกค้าคำนวณค่าใช้จ่ายในเบื้องต้นได้ และยังทำให้การช้อปปิ้งของลูกค้าสนุกสนานและไร้ความกังวลใจ
ขณะเดียวกันซิตี้แบงก์ไม่ได้เน้นให้ลูกค้าจับจ่ายใช้สอยเพียงอย่างเดียว หากแต่มุ่งเน้นให้ลูกค้ามีวินัยในการใช้จ่ายมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ค้นหาประวัติร้านที่เคยซื้อในอดีต เพื่อทราบถึงเม็ดเงินที่ใช้จ่ายไปในแต่ละร้าน ในแต่ละเดือน แต่ละปี หรือจะเลือกเป็นช่วงระยะเวลาใดก็ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการวางแผนในการใช้เงินให้มีประสิทธิภาพด้วย
ปิดท้ายที่ วรท หงุ่ยตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ที่เสริมในประเด็นเรื่องความปลอดภัยว่าซิตี้แบงก์มีระบบตรวจจับความผิดปกติในการใช้งานบัตรเครดิตของลูกค้าว่ามีการใช้จริงเกิดขึ้นหรือเปล่า โดยอาศัยการประมวลจาก Big Data และอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI
นอกจากนี้ยังมีบริการที่ตอบสนองนโยบาย Cashless Society ของธปท. ก็คือ การความร่วมมือกับวีซ่าให้บริการ “สแกนเพื่อจ่าย” โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ซึ่งซิตี้แบงก์เป็นธนาคารแรกที่ออกจากแซนด์บ็อกซ์ เป็นกฎ กติกา เงื่อนไขที่กำหนดว่านวัตกรรมทางการเงินนั้นต้องได้รับการอนุมัติจากแบงก์ชาติ
ไม่เฉพาะตามร้านค้าทั่วไปที่มีตราสัญลักษณ์วีซ่าเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงการนำไปสแกนเพื่อจ่ายในตลาดต่าง ๆ ได้ โดยมีแค่กระดาษแสดงคิวอาร์โค้ดแผ่นเดียว ไม่ต้องมีเครื่องอีดีซี ทำให้มีช่องทางใช้บัตรเครดิตมากขึ้นโดยเฉพาะร้านรวงตามตลาดนัดและร้านค้าข้างทาง นอกเหนือจากที่เปิดให้ใช้บริการได้ในเดอะมอลล์ กรุ๊ป, เซ็นทรัล ออนไลน์, เมเจอร์ซิเนเพล็กซ์ เช่น ตลาดอตก. ตลาดสี่มุมเมือง, ตลาดลุงเพิ่ม และตลาดรถไฟ เป็นต้น ซึ่งในอนาคตก็มีความร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ดตามมา และเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้งานนี้อย่างแพร่หลาย ซิตี้แบงค์จึงจัดโปรโมชั่นเครดิตเงินคืนสำหรับลูกค้าที่ใชบริการนี้ครั้งแรก ด้วยยอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 300 บาทต่อเซลล์สลิป จะได้เงินคืน 120 บาท (จำกัดที่ลูกค้า 5 หมื่นคน คนละ 1 สิทธิ์) พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ C250 Coupe AMG Dynamic มูลค่า 3.62 ล้านบาท
ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่น่าชื่นชมก็คือ การเปลี่ยนระบบการแลกแต้มที่เคยเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่ทันใจ ให้กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ลูกค้าทำได้เองแค่ปลายนิ้ว
“ลูกค้าไม่ต้องการอะไรที่ซับซ้อน เขาอยากนำแต้มไปทำอะไรที่เป็นโยชน์ด้วยวิธีการที่ง่าย รวดเร็ว และทำได้เลยทันที ซึ่งการแลกแต้มบนไลน์ของซิตี้แบงก์ หรือ ซิตี้ ไลน์ คอนเนค ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี ในปัจจุบันเราถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยที่แลกแต้มได้บนโซเชี่ยล มีเดีย แพลตฟอร์ม
เช่นเดียวกับการเชื่อมต่อระบบกับแอปฯ ของบรรดาพันธมิตรต่าง ๆ ของซิตี้แบงก์ เช่น บิ๊ก พอยท์ของแอร์เอเชีย และซัมซุง เพย์ ด้วย API เพื่อสร้างประสบการณ์การแบบไร้รอยต่อให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภค
สุดท้ายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างครบครัน ซิตี้แบงก์ได้เสริมบริการพิเศษด้วยสิทธิประโยชน์ไร้พรมแดนกับ Citi World Privileges ที่รวมรวมดีลเด็ดต่าง ๆ ทั้งกิน ดื่ม เที่ยว กว่า 11,000 ดีล ไว้ในที่เดียวให้ลูกค้าได้จับจ่ายใช้สอยใน 90 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย
นับได้ว่าการ Digital Transformation Experience ที่ซิตี้แบงก์นำเสนอในครั้งนี้ ครอบคลุมและตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคนี้ได้เป็นอย่างดี
สำหรับลูกค้าซิตี้แบงก์สามารถดาวน์โหลดซิตี้โมบายล์แอปพลิเคชั่นได้ที่กูเกิ้ล เพลย์ และแอป สโตร์