แม้ว่าประเทศไทยจะมีร้านอาหารให้เลือกซื้อกินได้มากมาย และหลากหลายระดับ ตั้งแต่ร้านรถเข็นริมทางไปจนถึงภัตตาคารหรู แต่ด้วยสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่มีวิถีชีวิตเร่งรีบ ต้องการความสะดวกสบาย ทำให้คนยังเลือกซื้ออาหารแช่แข็งหรือประเภทชิลล์ ฟู้ดส์ (อาหารแช่เย็น) เพียงแค่เข้าร้านสะดวกซื้อก็หามากินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งสะดวก รวดเร็วราคาไม่แพง แถมมีรสชาติดี และมีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลาย
แต่นับวันไลฟ์สไตล์ของคนมีความหลากหลายและแยกย่อยมากขึ้น มีความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalize) หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากร การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ก็เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ กลุ่มผู้สูงอายุมีความต้องการบริโภคอาหาร ไม่เหมือนกับคนทั่วๆ ไปเช่นกัน ทั้งไลฟ์สไตล์และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรดังกล่าว จึงเป็นทั้งโอกาสและความจำเป็น สำหรับนักการตลาดในการพัฒนาสินค้าออกมาให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาดดังกล่าว
ซีพีแรม พร้อมเสิร์ฟเมนูผู้สูงอายุ-ผู้ป่วย-เด็ก
โจทย์ทางการตลาดดังกล่าว บริษัท ซีพีแรม จำกัด ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารพร้อมทาน และชิลล์ฟู้ด ในเครือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) เพื่อส่งเข้าไปขายในร้าน 7-11 เป็นหลัก จึงต้องปรับตัวเพื่อพัฒนาสินค้าออกมารองรับกับความต้องการ กับกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย ทั้งไลฟ์ไสตล์และตามโครงสร้างประชากร นอกเหนือจากการผลิตสินค้ารูปแบบแมส เพื่อขายให้กับคนทั่วไป
คุณวิเศษ วิศิษฎ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เล่าว่า จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร สังคมไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างชัดเจน ในปี 2019 บริษัทจึงเตรียมออกสินค้าออกมาตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งตอนนี้ทำออกมาขายแล้ว 1 รายการ คือ ข้าวต้มผู้สูงวัย มีคุณสมบัติ คือ เคี้ยวแหลกง่าย ดูดซึมได้ดี และมีคุณค่าทางโภชนาการที่ผู้สูงอายุต้องการ เป็นเพราะกลุ่มผู้สูงอายุต้องการกินอาหารไม่เหมือนคนปกติ
ไม่เพียงแค่กลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุที่ซีพีแรมเข้าไปจับตลาด แต่ยังเตรียมเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ซึ่งมีโอกาสทางการตลาดอีกด้วย อาทิ กลุ่มผู้ป่วยหรือมีโรคประจำตัว ซึ่งต้องการการอาหารคุณสมบัติพิเศษ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ต้องการอาหารที่หวานน้อย หรืออาจจะเป็นอาหารมีความหวานปกติ แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วอัตราการดูดซึมความหวานต่ำ ไม่ทำให้ปริมาณน้ำตาลในร่างกายปรับเพิ่มขึ้น เป็นต้น หรือแม้แต่กลุ่มเด็ก ก็มีความต้องการอาหารเฉพาะที่เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัยด้วยเช่นกัน
“เทรนด์คนหันมาใส่ใจสุขภาพ คนกินอาหารต้องการได้สุขภาพด้วย แต่อาหารสุขภาพซึ่งลดหวาน ลดเค็ม จึงไม่อร่อย บริษัทกำลังวิจัยและพัฒนาอาหาร กลุ่มฟังก์ชั่นฟูดส์ เพื่อสนองความต้องการอาหารเฉพาะกลุ่มบุคคลมากขึ้น เราจะออกอาหารสุขภาพมาทำตลาด”
คนไทยกินอาหารแต่ละภาคไม่เหมือนกัน
แม้คนไทยจะเป็นประเทศกินข้าวเป็นหลัก และมีเมนูอาหารหลายอย่างที่กินเหมือนกันทั้งประเทศ แต่ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ก็มีเมนูอาหารเป็นของเฉพาะแต่ละท้องถิ่น ซึ่งมีรูปแบบและรสชาติแตกต่างกันไป ซีพีแรม มองเห็นว่า นี่ก็เป็นโอกาสทางการตลาด สำหรับผลิตอาหารออกมารองรับ เพราะคนแต่ละภูมิภาคก็ติดในในรสชาติอาหารของท้องถิ่นตัวเอง จึงวางแผนพัฒนาสินค้าแต่ละท้องถิ่นออกมาขาย เช่น เมนูลาบของภาคเหนือ ซึ่งเป็นลาบที่ไม่เหมือนกับภาคอีสาน เป็นต้น บริษัทมีแผนพัฒนาอาหารแต่ละท้องถิ่นออกมาสัดส่วน 25-30% ส่วนที่เหลือเป็นเมนูขายได้ทั่วประเทศ เช่น กระเพรา ไข่เจียว การออกเมนูอาหารในแต่ละภูมิภาค ยังเป็นการเติมเต็มตลาด รองรับกับผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่นด้วย
“ที่ผ่านมาคิดเมนูเป็นแบบเนชั่นไวด์ ต่อไปจะหาความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่นเพื่อคิดเมนูอาหาร เพราะคนแต่ละท้องถิ่นก็ชื่นชอบรสชาติอาหารของท้องถิ่นตัวเอง”
ตั้งโรงงานในต่างจังหวัดผลิตเมนูท้องถิ่น
เพื่อรองรับกับแผนธุรกิจในการพัฒนาสินค้าจำหน่ายในแต่ละภูมิภาค และการขยายตลาดอาหารเฉพาะบุคคล ล่าสุด บริษัทจึงได้ลงทุนขยายโรงงานแห่งที่ 2 ในจังหวัดขอนแก่น เพื่อผลิตอาหารแช่แข็งและอาหารแช่เย็น เพิ่มอีก 1 โรงงาน จากเดิมมีโรงงานผลิตเบเกอรี่แล้ว 1 แห่ง
ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตสินค้า 7 แห่ง ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพฯ ชลบุรี ขอนแก่น ลำพูน สุราษฎร์ธานี และปทุมธานี มี 2 แห่ง เฉพาะที่เปิดใหม่ในปี 2561 คือ โรงงานในจังหวัดขอนแก่น ลำพูน และสุราษฎร์ธานี
คุณวิเศษ เล่าอีกว่า ปีนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับตลาดภูมิภาค ที่จะได้บริโภคอาหารพร้อมรับประทาน ประเภทชิลล์ ฟู้ด เพราะที่ผ่านมาอาหารแช่แข็งถูกผลิตจากกรุงเทพฯ ส่งขายทั่วประเทศ โรงงานซีพีแรม ที่กรุงเทพฯ ผลิตสินค้าโฟรเซ่นต์แล้วส่งไปขายทั่วประเทศ ส่วนโรงงานจังหวัดปทุมธานี ผลิตสินค้าประเทศชิลล์ และส่งไปจำหน่ายในจังหวัดต่างๆ รัศมีไม่เกิน 300 กิโลเมตร โรงงานจังหวัดขอนแก่นมีความสมบูรณ์มากที่สุด เพราะมีทั้งโรงงานผลิตเบเกอรี่ อาหารชิลล์ และอาหารแช่แข็ง ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1,300 ล้านบาท
“ต่อไปจะใช้โลเกชั่นของแต่ละภูมิภาคหาความต้องการอาหารแต่ละท้องถิ่นด้วย เมื่อก่อนทำเมนูเหมือนกันทั้งประเทศ ปัจจุบันเราขายจากหลายโรงงาน โรงงานขอนแก่นก็สามารถขายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงงานลำพูนก็ขายในแบบภาคเหนือ เป็นการรองรับคนที่ต้องการกินอาหารดึกๆ แบบท้องถิ่น เติมเต็มตลาดในภูมิภาค”
ข้าวกะเพรา เมนูสุดฮิตร้าน 7-11
ปัจจุบันซีพีแรม ผลิตสินค้าวางขายกว่า 900 รายการ สินค้าใหม่ปีละประมาณ 23 รายการออกมาเสริม โดยเมนูขายดีในร้าน 7-11 ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ข้าวกะเพราหมู 2.ข้าวกะเพราไก่ 3.ข้าวผัดปู 4.ผัดซีอิ้ว และ 5.ข้าวไข่เจียว ซึ่งจากเมนูข้าวกะเพราที่ขายดี ทำให้แต่ละวันโรงงานผลิตต้องใช้กะเพรามากถึงวันละ 1 ตัน ปัจจุบันจึงได้มีโครงการเข้าไปส่งเสริมเกษตรกรเพื่อปลูกกระเพราป้อนให้กับโรงงานผลิตในแต่ละแห่ง
ซีพีแรมยังได้ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ละปีจะมีงบประมาณสัดส่วนถึง 1% ของยอดขาย ปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายกว่า 18,000 ล้านบาท ปีนี้มีผลงานวิจัยและพัฒนา 20 ผลงานที่กำลังจดทะเบียน ซึ่งการวิจัยจะมี 3 ระดับ คือ 1.Basic research การวิจัยพื้นฐานเพื่อหาคุณสมบัติของสินค้า 2. Apply research การนำเอางานวิจัยมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ และ 3.Product development การผลิตสินค้าออกจำหน่าย ซึ่งหน่วยงานนี้จะมีอยู่ทุกโรงงาน โดยงานวิจัยหนึ่งชิ้นสามารถพัฒนาออกเป็นสินค้าได้ถึง 10 รายการ
“ธุรกิจอาหารลูกค้าต้องการความแปลกใหม่ตลอดเวลา ในร้าน 7-11 ก็ต้องเปลี่ยนเมนูใหม่ตลอด เรามีเมนูใหม่ทุกสัปดาห์ บางครั้งก็เป็นเมนูเดิมวนกลับมาใหม่”