เป็นที่รับรู้กันว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เป็นตลาดสำคัญที่ทุกกลุ่มธุรกิจพยายามเจาะให้สำเร็จ เพราะหากทำให้ธุรกิจของตัวเองกลายเป็นหนึ่งใน Wish List หรืออยู่ในลิสต์ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนต้องมาแล้ว จะนำมาซึ่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ เนื่องจากจำนวนและกำลังซื้ออย่างมหาศาลของกลุ่มคนจีนนั่นเอง
แต่ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยลดลงราวๆ 15-20% หรือลดลงกว่า 2 ล้านคน ทั้งการเริ่มเข้าสู่ช่วง Low Season ของธุรกิจท่องเที่ยวรวมทั้งการที่ประเทศใกล้เคียงอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวันก็เริ่มมีการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวในแต่ละประเทศกันหนักมากขึ้น จึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทยในปีนี้จะลดลงจาก 39 ล้านคน เหลืออยู่ราวๆ 37 ล้านคน ทำให้หลายๆ ธุรกิจพยายามงัดกลยุทธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นสีสันสำคัญในช่วงโค้งสุดท้ายส่งท้ายปี
รายได้จากนักท่องเที่ยวยังดี
ขณะที่ทางกลุ่มเดอะมอลล์ ผู้บริหารศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และเดอะมอลล์ ทุกสาขา หนึ่งใน Destination ของนักท่องเที่ยว ให้ข้อมูลว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการลดลงของจำนวนักท่องเที่ยวจีนมากนัก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายคนจีนที่เข้ามาภายในศูนย์ของเดอะมอลล์กรุ๊ปนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง หรือกลุ่ม FIT ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ดีและแตกต่างในการท่องเที่ยว ส่วนนักท่องเที่ยวที่ลดลงส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มาพร้อมกับกรุ๊ปทัวร์เป็นหลัก
ที่สำคัญกลุ่มนักท่องเที่ยว Top Spenders จากหลายๆ ประเทศที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์ไม่ได้ลดจำนวนลง โดย คุณวรลักษณ์ ตุลาภรณ์ Chief Marketing Officer บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขยอดการขอคืนภาษีหรือการทำ VAT Refund ของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจับจ่ายภายในศูนย์ที่ดูแลอยู่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปีราว 15% ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตะวันออกกลาง CLMV เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน รวมทั้งยังมีสัญญาณที่ดีจากการเพิ่มจำนวนของนักท่องเที่ยวจากทาฝั่งยุโรปและอเมริกาเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นด้วย
“ยอดขายจากกลุ่ม CLMV มีสัดส่วนสูงถึง 30% ใกล้เคียงกับกลุ่มนักท่องที่ยวจีนที่มีสัดส่วน 38% รวมทั้งพื้นที่ของศูนย์ในเมืองอย่าง พารากอนและ EM District ทั้งเอ็มโพเรียม และเอ็มควอเทียร์ จะมีกลุ่มต่างชาติที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในไทย (Expat) อยู่ค่อนข้างมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนเพื่อนหรือญาติพี่น้องเข้ามาใช้บริการอยู่เสมอ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ใต้หวัน ซึ่งมียอดขายรวมกันไม่ต่ำกว่า 20% ทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวของทางกลุ่มยังรักษาระดับไว้ได้ที่ราว 20% โดยเฉพาะในศูนย์ตามแนวรถไฟฟ้าที่รายได้จากนักท่องเที่ยวสูงถึง 35-40% เลยทีเดียว”
ที่สำคัญกลุ่มลูกค้า Top Spenders ของเดอะมอลล์กรุ๊ปยังคงเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาและพม่า ที่ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนในการซื้อสูงกว่านักท่องเที่ยวจีนไม่ต่ำกว่า 3 เท่าตัว แม้ว่ากลุ่มที่เข้ามาใช้จ่ายและขอคืนภาษีส่วนใหญ่จะยังเป็นคนจีนเพราะจำนวนคนที่เข้ามามากกว่า แต่กลุ่มลูกค้าคนจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยก็จะมีกำลังซื้อที่หลากหลายทั้งกลุ่มกลางและบน ขณะที่ลูกค้าจากแถบประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ที่เข้ามามักจะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลัก ทำให้มีตัวเลขการใช้จ่ายเฉลี่ยที่สูงกว่า โดยยอดใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจีนจากข้อมูลในการทำ VAT Refund จะอยู่ที่ราว 3 พันกว่าบาท ขณะที่ลูกค้ากัมพูชาและพม่าอยู่ที่ราว 1 หมื่นบาท และหากรวมทั้ง CLMV จะมีค่าเฉลี่ยสูงถึงเกือบ 2 หมื่นบาทเลยทีเดียว
และหากมองไปถึงยอดการซื้อของกลุ่ม Top Spenders จากแต่ละประเทศ ชาวตะวันออกกลางจะเป็นกลุ่มที่ซื้อมากที่สุด ซึ่งข้อมูลจากพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ในการทำ VAT Refund พบว่า การซื้อต่อบิลขของกลุ่มตะวันออกกลางสูงถึง 18,000 บาท ตามมาด้วยกัมพูชาที่มียอดซื้อต่อบิลที่ 16,000 บาท พม่า 13,000 บาท ส่วนของนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 9,800 บาท โดยสินค้าที่กลุ่ม Top Spenders ในแถบ CLMV นิยม ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าใน Gourmet โดยเฉพาะโซนของฝาก เช่น ทุเรียนทอด หรือขนมต่างๆ ตามมาด้วยชุดชั้นใน และสินค้าที่สะท้อนถึงความเป็นไทย เช่น สินค้าสปา เสื้อผ้าเครื่องประดับ สินค้าหัตถกรรมต่างๆ รวมทั้งสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากมีโปรโมชั่นที่ค่อนข้างดึงดูดใจ
ในส่วนของคนไทยเนื่องจากอยู่ในช่วงปลายปี แม้ว่าจะมีกำลังซื้ออยู่แต่ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลมากกว่าการจับจ่ายซื้อของ โดยกำลังซื้อเฉลี่ยต่อคนต่อบิลจะอยู่ที่ราว 700-800 บาท ในส่วนของเดอะมอลล์ และเพิ่มเป็น 1,400 -1,500 บาทที่เอ็มโพเรียมและพารกอน ทำให้การดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายในช่วงปลายปีจึงมีความสำคัญ โดยทางกลุ่มจะให้ความสำคัญกับการไปออกโรดโชว์ในประเทศต่างๆ รวมทั้งการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยวเช่นแอร์ไลน์ โรงแรม หรือตัวแทนต่างๆ เพื่อมีมาตราการพิเศษในการกระตุ้นให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้มากขึ้น
อัดโปรโมชั่นแรง ดึงลูกค้าโค้งสุดท้าย
ในส่วนการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของทางกลุ่มเดอะมอลล์ ต้องเรียกได้ว่าอัดโปรโมชั่นส่งท้ายปีแรงกว่าทุกครั้ง ทั้งจำนวนงบที่ใช้ในแคมเปญนี้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าแคมเปญอื่นๆ เป็นเท่าตัว และจัดเต็มแบบชนิดมาทุกสัปดาห์ต่อกันยาวตลอดทั้งเดือนแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ก่อนที่จะปิดท้ายปีด้วยแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ตามมาอีกครั้งในช่วงปลายปี
คุณวรลักษณ์ ให้เหตุผลที่ต้องอัดโปรโมชั่นแรงมากขนาดนี้ในปีนี้ เนื่องจากปีที่ผ่านมา ช่วงปลายปีมีนโยบายใหญ่ของรัฐบาลอย่างช้อปช่วยชาติออกมา ซึ่งทำให้ยอดขายในช่วงนั้นของกลุ่มเดอะมอลล์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเติบโตได้สูงถึง 20% จึงต้องการรักษาการเติบโตให้ต่อเนื่องในปีนี้ ด้วยการอัดโปรโมชั่นที่สามารถกระตุ้นกำลังซื้อได้ดีไม่ว่าจะเป็นทั้งในกลุ่มลูกค้าคนไทย รวมไปถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วย
นำมาซึ่งการทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท จัดโปรโมชั่นชุดใหญ่แบบมาเป็นแพกเกจอย่าง Bangkok Shopping Festival 2018 ที่ส่ง 4 แคมเปญ 4 รูปแบบ 4 สัปดาห์ ทั้งในเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และเดอะมอลล์ ทุกสาขา โดยถือฤกษ์เริ่มต้นแคมเปญพร้อมเทศกาลสำคัญของฟากฝั่งช้อปปิ้งออนไลน์ในวันคนโสดคือ 11 พฤศจิกายน ก่อนจะลากยาวแบบข้ามเดือนไปจนถึง 2 ธันวาคม 2561 เพื่อตอกย้ำจุดยืนสำคัญของศูนย์ต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของทางกลุ่มเดอะมอลล์ ในฐานะ World Class Shopping Destination
สำหรับทั้ง 4 แคมเปญ ที่ต่อแถวเข้าคิวมาช่วยกันเรียกยอดขาย ประกอบด้วย
แคมเปญ 11/11 ที่จัดขึ้นภายในวันเดียวพร้อมกันทั้งเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ พารากอน ดีพาร์ทเม้นสโตร์ และเดอะมอลล์ทุกสาขา ที่ลดสินค้าแบบจัดเต็มตลอดทั้งวัน เค้าน์เตอร์ปกติลดสูงสุดถึง 30% พร้อมสีสันในช่วง Flash Hour ช่วง 11.00 -15.00 น. ที่มอบส่วนลดเพิ่มอีก 3 ต่อ ทั้งลดเพิ่ม 11% จากแบรนด์ที่ร่วมรายการ สมาชิกเอ็มการ์ดลดเพิ่ม 22% เมื่อใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อ และส่วนลดเพิ่มอีก 22% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต SCB M VISA, SCB, Citi และ K Bank
แคมเปญ PARAGON Only You เอ็กซ์คลูซีฟแคมเปญเฉพาะพารากอน ดีพาร์ทเม้นสโตร์ สำหรับสมาชิกบัตร M Card, SCB M VISA และ SCB กับส่วนลด 30% + 30% + 30% ระหว่าง 16 – 18 พฤศจิกายน 2561 เพียง 3 วันเท่านั้น ด้วยการมอบส่วนลดเอ็กซ์คลูซีฟเพิ่มขึ้นอีก 3 ต่อ สูงสุดถึง 72%
แคมเปญ Black Weekend ซึ่งต่อยอดความสำเร็จจากแคมเปญที่ทุกคนรอคอยอย่าง Emporium Black Friday โดยกลับมาพร้อมกับ Super Black Weekend 3 วัน 3 ห้าง เริ่มด้วย Black Friday ที่ เอ็มโพเรียม ในวันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ต่อด้วยวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2561 กับ Black Saturday ที่พารากอน ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ (ปิดบริการเที่ยงคืน) และตบท้ายด้วย Black Sunday ในวันอาทิตย์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ที่ เดอะมอลล์ ทุกสาขา (ยกเว้นสาขารามคำแหง)
และสุดท้ายกับแคมเปญ The Last Midnight Sale มิดไนท์เซลล์ครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2561 เพียง 5 วันเท่านั้น มอบส่วนลดเคาน์เตอร์ปกติสูงสุด 30% สินค้าแบรนด์ชั้นนำลดสูงสุด 70% พร้อมผนึกกำลังบัตรเครดิตชั้นนำกว่า 10 ธนาคาร มอบเอ็กซ์คลูซีฟโปรโมชั่นเงินคืนสูงสุด 20% รวมทั้งลูกค้าที่เป็นทั้งสมาชิกบัตร M Card และบัตรเครดิต SCB M VISA รับเงินคืนสูงสุด 1,800 บาท พร้อมรับกู้ดดี้แบค (Goodie Bag) จาก Midnight Magic Hour ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป เมื่อช้อปตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
เปิดตัว Prepaid Card เพิ่มโซลูชั่นส์จ่ายง่ายขึ้น
นอกจากอัดแคมเปญโปรโมชั่นแบบทุก Weekend ตลอด 4 สัปดาห์แล้ว เดอะมอลล์กรุ๊ปยังถือโอกาสในช่วงแคมเปญนี้เปิดตัวบัตร SCB M VISA PREPAID CARD บัตรเติมเงินพร้อมสะสมแต้มใบแรกของธุรกิจค้าปลีกในประเทศ ซึ่งทางกลุ่มเดอะมอลล์บอกว่าจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มให้ Digital Payment Ecosystem ของทางกลุ่มเดอะมอลล์ให้มีความสมบูรณ์ได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับบัตร Prepaid Card ใบนี้ นอกจากใช้จ่ายในเครือเดอะมอลล์แล้ว ยังสามารถใช้จ่ายได้กับทุกจุดที่มีสัญลักษณ์ VISA ซึ่งมีมากถึง 40 ล้าน ร้านค้าทั่วโลก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักช้อปโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการจ่ายเงินในรูปแบบ Digital Payment โดยในเบื้องต้นสามารถซื้อได้จากจุดบริการภายในศูนย์ในเครือ พร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวเมื่อเติมเงิน 500 บาทขึ้นไป รับเอ็มพ้อยท์ 500 คะแนนฟรีทันที และในอนาคตจะขยายไปสู่เค้าน์เตอร์ SCB Exchange เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าในปีแรกจะมีผู้ลงทะเบียนราว 1 แสนบัตร
“การมีบัตรพรีเพดการ์ดจะทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายได้อย่างสะดวก และได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะยอดสะสมที่มากกว่า 2 เท่า เมื่อซื้อสินค้าภายในศูนย์ นับเป็นอีกหนึ่งวิธีในการกระตุ้นการใช้จ่าย ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการก็จะเข้าใจลูกค้าได้ดีมากขึ้น รู้ว่าลูกค้าชื่นชอบหรือมีพฤตติกรรมในการใช้จ่ายอย่างไร จากข้อมูล KYC ต่างๆ เป็นประโยชน์ในการจัดแคมเปญที่ตอบโจทย์แต่ละกลุ่มได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการ Tailor Made แคมเปญในอนาคตที่จะมีความเฉพาะเจาะจงแบบ Customize เพื่อช่วยกระตุ้นการจับจ่ายได้ตรงความต้องการเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในอนาคตคาดว่าภาพรวมการใช้จ่ายของลูกค้าในเครือจะมาจาก Digital Payment ราว 70% ภายใน 5 ปีจากนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 50%”
สำหรับกลุ่มเป้าหมายสำคัญของบัตรพรีเพดนี้จะเน้นกลุ่มที่ยังไม่สามารถทำบัตรเครดิตได้ทั้งคนไทยที่อายุยังไม่ถึงหรือรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ทำบัตรเครดิตได้ รวมทั้งประโยชน์ในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างสะดวก ที่สำคัญคือการเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศก็สามารถทำบัตรนี้เพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นได้ รวมทั้งใช้สำหรับเดินทางไปใช้จ่ายได้ในทุกจุดที่เป็นพันธมิตรกับทาง VISA เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่ม Loyalty ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าหนึ่งครั้ง ที่จะชื่นชอบการใช้ชีวิตหรือต้องการประสบการณ์ในแบบเดียวกับคนในท้องถิ่น เช่น ชอบไปท่องเที่ยว กินอาหาร หรือเลือกที่พักแบบคน Local เป็นต้น
และเพื่อตอกย้ำการเป็น World Class Destination สำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทางเดอะมอลล์กรุ๊ปยังทำโปรโมชั่นพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวยาวตลอดจนถึงสิ้นปี เพิ่มเติมขึ้นมาจาก Bangkok Shopping Festival 2018 เช่น ลูกค้าชาวจีนที่ใช้ Alipay รับส่วนลด 10% เมื่อช้อปสินค้าราคาปกติภายในห้างฯ หรือลูกค้าชาวต่างชาติที่ถือบัตรเครดิต UnionPay และใช้แอป Uplan รับส่วนลดเพิ่ม 5% เมื่อช้อปสินค้าในห้างฯ ทุกชิ้น ทุกป้ายราคา ทุกแผนก (ยกเว้น Gourmet Market และ Power Mall) และพิเศษเฉพาะที่เอ็มโพเรียม ลูกค้าชาวต่างชาติที่ถือบัตรเครดิต UnionPay, Citi Bank APAC, UOB หรือลูกค้าที่นำพาสปอร์ตมาลงทะเบียนที่ Tourist Lounge รับฟรี Welcome Package พร้อมบัตรส่วนลด Platinum Tourist Card รับส่วนลด 10% เมื่อช้อปสินค้าราคาปกติภายในห้างฯ และสูงสุด 30% เมื่อช้อปสินค้าและบริการภายในศูนย์การค้า รวมถึงแคมเปญ Tourist Year End โดยลูกค้าชาวต่างชาติช้อปทั้งในห้างฯ และศูนย์ฯ ครบ 2,000 บาท รับกระเป๋าผ้า Premium Pouch ครบ 5,000 บาท รับกระเป๋าผ้า Travel Set พร้อม Passport Cover และสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย
“หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เรามีจำนวนแคมเปญโปรโมชั่นเพิ่มมากขึ้น และถือเป็นช่วงที่อัดโปรโมชั่นมากที่สุดในรอบปี โดยเริ่มมองเห็นสัญญาณที่ดีในหลายด้าน ทั้งเรื่องที่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการดึงนักท่องเที่ยว และเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่องการเลือกตั้ง ส่งผลให้กำลังซื้อเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น จึงคาดว่าในช่วงของการจัดแคมเปญ Bangkok Shopping Festival 2018 จะมีนักช้อปทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาช้อปอย่างคึกคัก โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 3,600 ล้านบาท เติบโต 5% จากปีที่ผ่านมา และส่งผลให้ยอดขายทั้งปีของเดอะมอลล์กรุ๊ปในปีนี้ทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 58,000 ล้านบาท”
Photo Credit : NUMBER 24- Authorized Shutterstock Partner in Thailand