ถ้าได้ลองไล่ดูชื่อของ “ซูเปอร์ฮีโร่” ชื่อดังทั้งหลาย คุณอาจพบว่าคุณกำลังจมไปในทะเลสีแดง น้ำเงิน เหลือง มีบางที่จะเป็นกรีน ขาว ดำ ฯลฯ แต่ฮีโร่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลหลายคนมาพร้อมคือสีแดงและน้ำเงินที่มีเหลืองแซม ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สีที่ง่ายที่สุดในการพิมพ์สี่สีกลายเป็นตัวเลือกสำหรับฮีโร่ตัวเด่น แต่มันมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่สำหรับลักษณะของฮีโร่เหล่านี้ ที่เราจะมาดูกันวันนี้คือ สี บอกอะไรเราเกี่ยวกับตัวละครเหล่านั้น?
ทฤษฎีสีมีความเชื่อมายาวนานเกี่ยวกับแต่ละสีว่ามีความหมายอย่างไร เราได้เห็นชาร์ตการใช้ทฤษฎีสีที่ว่านี้กับโลโก้ของบริษัท ทำไมโค้กถึงต้องการปล่อยพลังงานสีแดงอันพุ่งพล่านไปสู่วัยรุ่น หรือ Hooters กับการเลือกสีส้มที่ร่าเริง เพราะมันหมายถึงความสนุก ทฤษฎีสีอาจอธิบายได้ว่าทำไมทีมกีฬาทั้งหลายไม่เลือกใช้สีที่ทำให้ด้วยเองโดดเด่นด้วยการรวมคอมโบสีที่ไม่ซ้ำใครมาใช้ แล้วจบลงด้วยการเลือกใช้สีพื้นฐานที่จำง่ายแทน
แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณใช้สัญลักษณ์ของสีแบบตะวันตกนี้กับแก๊งตัวละครซูเปอร์ฮีโรที่เราชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น Avengers, Justice Leaguers, X-Men และศัตรูของพวกเขา ทฤษฎีนี้จะสามารถช่วยอธิบายได้หรือไม่ว่าเหตุใดฮีโร่บางคนจึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ชมบางกลุ่มเป็นพิเศษ
นี่คือรายการของสีและความหมาย:
ตัวละครที่มีสีเดียวมักจะไม่โด่งดังเท่าตัวที่มีสองสีหรือสามสี เพราะมันไม่ได้ดึงดูดสายตา ตัวละครอย่าง Silver Surfer เป็นศูนย์รวมของแสงที่กว้างขวาง เป็นนิรันดร์ บริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อ เยือกเย็นและไม่เป็นมิตร แต่นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยู่คนเดียวและไม่มีแฟนคลับมากนัก แต่ความเรียบของเขาก็ทำให้แฟนๆ ของเขาจะค่อนข้างมีลอยัลตี้สูงทีเดียว
ตรงข้ามกับฮีโร่ที่ซับซ้อนอย่าง Martian Manhunter ที่มีรายชื่อพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด และมีสีมากกว่าสามสีซึ่งดูเหมือนซับซ้อนเกินไปสำหรับโลกแห่งความกล้าหาญและตรงข้ามศีลธรรม
แต่ เรามักจะเห็นฮีโร่ที่มีสองสีหลักและสีที่เน้นหนึ่งสี (โดยไม่นับสีดำ เพราะเป็นสีที่จะใช้ในการร่างเส้นทุกอย่าง) สีคู่สองสี่คือสิ่งที่ได้รับความสนใจ ในภาค Superhero Color Theory นี้เราจะมาดูว่าสีหลักมีผลต่อการรับรู้ของฮีโร่ที่เราชื่นชอบอย่างไร
2 สีหลัก ที่โดดเด่น โชว์คาร์แร็กเตอร์ชัด!
Superman, Wonder Woman, Thor, Spider-Man และ Captain America เป็นตัวละครชื่อดังที่พวกเราชื่นชอบ พวกเขาส่วนใหญ่มีสีแดงและสีน้ำเงินเป็นหลัก สีแดงหมายถึงการมีความกล้าหาญ หลงใหล และมุ่งมั่น แต่มีพื้นฐานมาจากความลึกล้ำ สติปัญญาและความมั่นใจของสีน้ำเงิน คุณอาจพูดได้ว่า Spider-Man ดูสับสนโดดเดี่ยวเกินกว่าจะมั่นใจ แต่ดูเหมือนเขาจะมีความมั่นใจมากพอที่จะพูดเล่นมุขในขณะที่กะโหลกศีรษะแตกก็ถือว่าเป็นคนมั่นใจได้อยู่
นอกจากนี้ยังมีสีเหลืองที่ถูกแซมเข้าไปในสามคนแรก (Superman, Wonder Woman, Thor) ดังนั้น คุณจะพบว่าฮีโร่ทั้งสามของคุณจะดูมีความใส่ใจ ดูแลความปลอดภัย มีความสุข และเป็นคนที่ค่อนข้างโอ้อวด ทว่าสิ่งเหล่านี้นำไปใช้กับอีกสองคนที่เหลือไม่ได้ ดวงตาสีขาวของสไปเดอร์แมนและช่วงท้องของกัปตันอเมริกาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาบริสุทธิ์และไร้เดียงสามากกว่าจะฉูดฉาด
ตัวอย่างอื่น ๆ ของสีแดงและสีน้ำเงิน ได้แก่ Atom, Giant Man, Ant Man, Power Girl, Captain Marvel, Ms. Marvel และ Doctor Strange
ชุดสีหลักที่เป็นที่นิยมคู่ถัดไปคือ สีแดงและสีเหลือง Iron Man, The Flash, Human Torch, Plastic Man, Shazam และ Robin เป็นฮีโร่ผู้มีจิตใจร่าเริง พวกเขารวมเอาความหลงใหลในสีแดงที่น่าตื่นเต้น เข้ากับสีเหลือที่เต็มไปด้วยพลังงานและความเป็นธรรมชาติ พวกเขามักจะเป็นคนที่คึกคัก และชอบโชว์ออฟ สีเหลืองเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่สื่อว่าความปลอดภัยมาถึงแล้ว แต่เมื่อสีแดงและสีเหลืองรวมกัน กลับกลายเป็นไฟที่กำลังลุกโชน
ตัวละครแสดง “ชาตินิยม” ภาพสะท้อน “สี” กับความหมายของชาติ
สีขาว ที่เพิ่มเข้ามาของ Shazam บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของเขา ส่วนถุงมือและรองเท้าบู๊ตสีเขียวของ Robin แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมือใหม่ มีความขี้เล่น และพร้อมที่จะเติบโต Spider-Woman ไม่ใช่คนร่าเริง แต่รูปร่างเหมือนนาฬิกาทรายสีเหลืองบนเอวของเธอก็ให้พลังงานเชิงบวกเหมือนสีเหลืองของ Shazam เช่นเดียวกับสายฟ้าของ Flash และไฟของ Johnny Storm ที่เป็นพลังงานพิษของเธอ เธออันตรายแต่อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา
ส่วน Colossus ก็เป็นสีแดงและสีเหลือง เหมือนกับธงจากสหภาพโซเวียต แถมด้วยโครงเหล็กสีขาว ให้อารมณ์ความเป็นลัทธิ stoicism อันเยือกเย็น ถึกอึด อดทน สิ่งนี้เป็นตัวจุดประกายคอนเซ็ปต์ของการที่ตัวละครที่สวมใส่เสื้อผ้าลายธง ตัวละครชาตินิยมมักจะสะท้อนถึงตัวตนของชาติตัวเอง ซึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็นง่ายที่สุดก็คือ “ธงชาติ”
เราจะสังเกตุได้ว่ามีธงน้อยมากที่หลุดไปจากสีหลัก คุณนึกออกไหมว่ามีธงอะไรที่เป็นสีม่วงและสีส้ม? สีเขียวและสีม่วง? ในทางกลับกันมีกี่ประเทศที่มีสีแดง ขาวและน้ำเงิน ประเทศต่างๆ มองตัวเองว่าเป็นวีรบุรุษดังนั้นจึงยึดติดกับสีที่ “กล้าหาญ” บ้านเราก็เช่นกัน
สีน้ำเงินและสีเหลืองเป็นสีหลักคู่สุดท้ายสำหรับตัวละครที่มักจะเป็นกองหนุน พวกเขาขาดความกล้าหาญในแบบสีแดงของผู้ที่แสวงหาหรือกำหนดให้เป็นนักสู้แถวหน้าและศูนย์กลางของทุกสิ่ง
ผู้ก่อตั้งส่วนใหญ่ของ X-Men ก็มีสีน้ำเงินและเหลือง เช่นเดียวกับตำรวจเครื่องแบบสีน้ำเงินของพวกเขาบอกเราว่าพวกเขาว่าเป็นวีรบุรุษ (ความเชื่อใจ ความมั่นใจ) พร้อมกันกับลักษณะเฉพาะอื่นๆ ของสีฟ้าที่สื่อถึงความลึกซึ้งและภูมิปัญญา จากความเป็นผู้นำของ Professor X สีเหลืองแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีพลังงานในการต่อสู้เพื่อมนุษย์กลายพันธุ์ และพวกเขาพร้อมหยิบยื่นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับคนภายนอก เสมือนเป็นแสงจากประภาคาร
สีน้ำเงินและสีเหลืองของ Nova เปรียบเหมือนเครื่องแบบตำรวจจากอวกาศ และเราจะสังเกตได้ว่าทั้ง Power Man และ Booster Gold เลือกสีเหลืองและสีน้ำเงินในการฉายความเป็น “superhero” เพื่อดึงดูดลูกค้าหรือแฟนๆ กลุ่มใหม่ พวกเขาพลาดการเลือกสีแดงและสีน้ำเงินที่เป็นสีในอุดมคติของฮีโร่หลักส่วนใหญ่ แต่สีที่เลือกก็ไม่ผิดซะทีเดียว
Dr. Fate มีสติปัญญาลึกซึ้ง และสีเหลืองของเขาก็ไม่ได้สะท้อนถึงธรรมชาติของทองคำ แต่สะท้อนคุณค่าอันเป็นนิรันดร์ในตัวมัน เหมือนโลงศพของ King Tut
เรามาว่ากันถึงฝั่งจอมวายร้ายอย่าง Thanos บ้าง วายร้ายผู้รักสันโดษ?!?! คนนี้ เขาเองก็มีสีน้ำเงินและสีเหลืองเช่นกัน เขาแต่งตัวเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่และอาจต้องการชี้ให้เห็นว่าภัยคุกคามต่อฮีโร่ที่แท้จริงอาจต้องดูเหมือนเขา แต่การเผยผิวสีม่วงก็อาจจะเป็นอีกด้านของเขาที่แลดูเหมือนชนชั้นสูง และมีความสง่าผ่าเผย
ขบวนการเซนไต “ผู้นำ” ต้องสีแดง
เรามาว่ากันด้วยการ์ตูนฝั่ง “เอเชีย” กันบ้าง เมื่อการ์ตูนที่มีคาแร็กเตอร์โดดเด่นอย่างพวกกลุ่ม ขบวนการเซนไต หรือขบวนการห้าสี ต่างก็มีภาพจำที่พวกเราจำได้แม่น เมื่อพวกเขาเป็นวัยรุ่นรวมตัวกัน 5 คน และเมื่อแปลงร่าง ก็จะมี 5 สีที่แตกต่างกัน แต่ที่แน่ๆ “สีแดง” มักได้เป็นผู้นำของกลุ่ม เมื่อแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ตัวใหญ่ก็ได้บังคับอยู่ตรงกลาง นอกเหนือจากเรื่องความหมายของสี ที่บ่งบอกว่า “สีแดง” แสดงถึงความมุ่งมั่น กล้าหาญ ความรวดเร็ว และ Passion แล้ว ในส่วนของผู้ชม “สีแดง” เป็นสีที่เด็กเห็น และจดจำได้ง่ายที่สุด รวมทั้งกระตุ้นสัญชาตญาณมากที่สุด ดังนั้นตัวเอกของการ์ตูนลักษณะนี้ จึงมีสีแดงเป็นสีหลักของคาแร็กเตอร์ และมีสีอื่นเข้ามาเป็นองค์ประกอบ
เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายมาเป็นส่วนหนึ่งของการ์ตูนที่ต้องจับกลุ่มเป้าหมาย “เด็ก” การถ่ายทอดผ่าน “สี” ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อที่เข้าใจได้ง่าย จึงเป็นเรื่องที่ผู้ออกแบบใส่ใจเป็นอย่างมาก เพื่อทำให้ผู้ชมเข้าใจคาแร็กเตอร์หรือนิสัยของตัวละครภายในไม่กี่นาทีแรก ดิสนี่ย์เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่จริงจังกับเรื่องนี้อย่างมาก
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทฤษฎีสีที่เราอาจเคยเรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่มันเป็นเรื่องที่ใช้ได้ตลอดชีวิต และทฤษฎีที่เราคุ้นเคยแบบนี้ก็สร้างตัวละครที่เรารักและเกลียดให้มีชีวิตขึ้นมาได้มากมาย ซึ่งเราอาจสามารถเรียนรู้จากมันและนำมาปรับใช้กับงานที่ทำ หรือการสื่อสารผ่านสีในชีวิตประจำวันก็ไได้ประโยชน์ไม่น้อย