HomeBrand Move !!แม็กกี้ ขน 2 สินค้า “กึ่งสำเร็จรูป” จากเยอรมัน เทสต์ลิ้นคนไทย รับกันได้ไหม “สปาเก็ตตี้-มันบด”

แม็กกี้ ขน 2 สินค้า “กึ่งสำเร็จรูป” จากเยอรมัน เทสต์ลิ้นคนไทย รับกันได้ไหม “สปาเก็ตตี้-มันบด”

แชร์ :

แบรนด์แม็กกี้ (Maggi) ถือเป็นหนึ่งใน Global Brand ของกลุ่มเนสท์เล่ ที่เป็นบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกมีผลิตภัณฑ์นานาชนิดกว่า 2,000 แบรนด์ ทำตลาดอยู่ใน 191 ประเทศทั่วโลก ซึ่งตลาดประเทศไทยเนสท์เล่ได้เข้ามาปักหมุดทำตลาดนานกว่า 125 ปีแล้ว ส่วนแบรนด์แม็กกี้ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสินค้าสร้างยอดขายให้กับเนสท์เล่ และทำตลาดมานานกว่า 60 ปี

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

แค่จิ้มไม่พอ ต้องกินอิ่ม

สินค้าหลักสร้างยอดขายและสร้างชื่อให้แบรนด์แม็กกี้ คงเป็น “ซอสเหยาะจิ้ม” ที่หลายบ้านมีไว้สำหรับเหยาะใส่ไข่ดาว ไข่เจียว ไส้กรอก หรือข้าวต้มตอนเช้า แม้แต่โรงแรม ร้านอาหาร ภัตรคาร แทบทุกแห่งก็ต้องมีติดไว้บริการลูกค้า แต่แบรนด์แม็กกี้ไม่ได้มีแค่ซอสเหยาะจิ้ม หรือซอสปรุงรสเท่านั้น แต่ยังมีซอสหอยนางรม ซุป น้ำซุปสำหรับปรุงอาหาร  ซุปก้อน  ซอสมะเขือเทศ เครื่องปรุงรส บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมากมาย ผลิตภัณฑ์หลายๆ รายการก็มีวางขายในประเทศไทยแล้ว แต่ผ่านช่องทาง B2B ไม่ว่าจะเป็นผงซุป น้ำสต็อกหรือน้ำซุปสำเร็จรูป และผงมะนาว

ส่วนช่องทางรีเทล หรือสินค้าที่วางขายให้กับผู้บริโภคอย่างเราๆ ได้ซื้อกลับไปกินที่บ้านนั้น  ปีที่ผ่านมามีสินค้าตัวใหม่ออกมาบุกตลาด 2 รายการ คือ  ซอสหอยนางรม สูตรใหม่หอยนางรมญี่ปุ่นและเกาหลีเข้มข้น และออกสินค้าซอสปรุงรสสูตรเข้มข้นฝาเขียวสำหรับการทำอาหารที่ต้องการความเข้มข้น เช่น ผัดกระเพรา หมูหมัก จากเดิมที่มีสินค้าทำตลาดหลักใน 2 รายการ คือ ผลิตภัณฑ์ซอสเหยาะแม็กกี้ และซอสปรุงรส ฝาเหลือง

อย่างไรก็ตามจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ทำกับข่าวในบ้านน้อยลง ก็ทำให้อัตราการเติบโตของ ซอสเหยาะ – จิ้ม ไม่เติบโต จนกลายเป็นความท้าทายครัง้ใหญ่ของแม็กกี้(อ่านเพิ่มเติมคลิกที่นี่) และเพื่อทำให้การเติบโตในภาพรวมของแมกกี้ยังเดินหน้าต่อไป การขยายไลน์สินค้าอื่นๆ มาเพื่อลองตลาดจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นและนี่เองจึงเป็นที่มาของเมนูใหม่ ที่สะดุดตาทีมงาน BrandBuffet เมื่อไปที่ 7-11 แล้วพบโปรดักท์แปลกตา วางอยู่ที่เชลฟ์บริเวณเดียวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในราคา 45 บาท
“แม็กกี้ คัพ” ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป 
ระหว่างทางของปีที่ผ่ามา แบรนด์แม็กกี้ นำเข้าสินค้าจากประเทศเยอรมนี  มาทดลองทำตลาดกับกลุ่มผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป “แม็กกี้ คัพ”  2 เมนู คือ “สปาเก็ตตี้” และ “มันบด”  โดยวางขายช่วงเวลาสั้นๆ 3 เดือน เฉพาะในร้าน 7-11 เท่านั้น เหตุผลสำคัญเป็นเพราะต้องการทดสอบตลาด และความต้องการของผู้บริโภคคนไทย ว่าจะให้การตอบรับกับสินค้าประเภทนี้หรือเปล่า ก่อนจะปูทางไปสู่กาขยายพอร์ตสินค้าในประเทศไทยให้เติบโต รองรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นความสะดวกสบาย และมีวิถีชีวิตอันเร่งรีบ อาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ใช้เวลาการปรุงเพียงแค่ 5 นาที ด้วยการเติมน้ำร้อน รอเวลา แล้วเปิดกินได้เลย น่าจะตอบโจทย์ของลูกค้าปัจจุบัน

ไม่เพียงเท่านั้น หากดูพอร์ตสินค้าภายใต้แบรนด์แม็กกี้ ที่ทำตลาดในต่างประเทศ มีสินค้าหลายรายการได้รับความนิยมและขายดี สามารถสร้างยอดขายได้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมันบด กลุ่มนู้ดเดิ้ล แต่ยังไม่ได้นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย  ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันดูจากสภาพตลาด และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคคนไทย ถือว่ามีความพร้อมและให้การตอบรับกับสินค้าดังกล่าวมากขึ้น  เห็นได้จากตอนนี้ในตลาดเมืองไทยมีสินค้ามากมายหลายประเภทและหลายแบรนด์เปิดตัวจำนวนมาก ทำให้เนสท์เล่ย์จึงไม่ยอมเสียโอกาสนำสินค้า 2 รายการดังกล่าวเข้ามาทดสอบทำตลาด  และผลตอบรับก็เป็นไปได้ด้วยดี เพราะตอนแรกวางขายช่วงต้นปีก่อน 3 เดือนเท่านั้น และหลังจากนั้นก็นำเข้ามาทำตลาดอีกครั้งในช่วง 3 เดือนปลายปี เพราะมีกระแสตอบรับและการเรียกร้องให้กลับมาทำตลาดอีกครั้ง

ด้วยกลยุท์ Seasonal Products” ที่วางจำหน่ายสินค้าเฉพาะจำกัดเวลาและพื้นที่ขาย แนวทางการสื่อสารและทำตลาด จึงเลือกใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งก็สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย และไลฟ์สไตล์คนไทยยุคดิจิทัลด้วย ประกอบกับทิศทางการทำตลาดของแบรนด์แม็กกี้ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาและจะต่อเนื่องในปีนี้ คือการมุ่งเน้นสื่อสารและทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะตรงกับไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบันมากกว่าสื่ออื่นๆ

คุณเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประจำภูมิภาคอินโดไชน่า เล่าว่า แบรนด์แม็กกี้มีสินค้าในต่างประเทศจำนวนมาก ที่สามารถนำเข้ามาจากประเทศเยอรมนีได้  ต่างประเทศอาหารกลุ่มนู้ดเดิ้ล มันบดมีความโดดเด่นมากทำตลาดในหลายประเทศ  เพราะบางอย่างมีรสชาติเป็น International แต่บางอย่างก็ไม่เหมาะกับคนท้องถิ่น จึงต้องเลือกรสชาติให้เหมาะสม

“หน้าที่เราต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งคนปัจจุบันมีความแตกต่างและมีรายละเอียดมาก”

ในปีนี้คาดว่าแบรนด์แม็กกี้น่าจะมีสินค้าใหม่เข้ามาทดลองทำตลาดเพิ่มจากปีที่ผ่านมา หรือไม่สินค้าที่เคยเป็น Seasonal Products” อาจจะกลายเป็นสินค้าหลักเพื่อสร้างยอดขายให้เติบโต เป็นหนึ่งในสินค้าที่จะทำให้เป้าหมายการเติบโตมากกว่า 10% ในปีนี้เป็นจริงก็เป็นไปได้ จากปี  2561 คาดว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 1,000 ล้าบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายช่องทางรีเทล 80% และช่องทางร้านอาหาร ภัตราคาร หรือ B2B อีก 20% จากช่วงก่อนหน้านี้มีอัตราการเติบโตประมาณ  5-6%

สำหรับแบรนด์แม็กกี้ เป็นตราสินค้าของเนสท์เล่ ที่ได้ก่อนตั้งขึ้นในปี 1872 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดย “จูเลียส แม็กกี” ซึ่งถือเป็นบริษัทแรกที่ใช้ถั่วเข้ามาผลิตอาหาร อาทิ ผลิตภัณฑ์ประเภทซุปสำเร็จรูป ต่อมาในปี 1897  ได้ก่อตั้งบริษัท Maggi GmbH ในเมืองซิงเงิน ประเทศเยอรมัน และดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

 


แชร์ :

You may also like