นกสกู๊ต สายการบินร่วมทุนราคาประหยัดระหว่างสายการบินนกแอร์ของคนไทยและสายการบินสกู๊ต จากประเทศสิงคโปร์ มุ่งขยายเส้นทางบินใหม่มากยิ่งขึ้นโดยใช้เครื่องบินที่มีประสิทธิและประหยัดพลังงานในปี 2562 เนื่องจากเป็นอีกปีหนึ่งที่มีการก้าวผ่านความสำเร็จในแบบฉบับ “บินไกล สบายกว่า ราคาคุ้ม” ที่ให้ไว้กับผู้โดยสาร “เราเชื่อว่าปี 2562 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีสำหรับสายการบินนกสกู๊ต” คุณยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินนกสกู๊ต กล่าว และกล่าวเสริมว่า “และในปี 2561 นี้ นกสกู๊ตแสดงให้เห็นถึงความสามารถของสายการบินในการขยายเที่ยวบินสู่ญี่ปุ่นและอินเดีย นับเป็นตลาดเครือข่ายที่สำคัญของเรา”
“การให้บริการที่ดีขึ้นและการเพิ่มฝูงบินในปี 2562 จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการบินให้กับสายการบินนกสกู๊ต
ด้วยการให้บริการการเดินทางจากเอเชียเหนือและเอเซียใต้สู่ประเทศไทยได้สะดวกและรวดเร็ว พร้อมทั้งรองรับการเชื่อมต่อของเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้น” นกสกู๊ตคาดการณ์ว่าในปี 2562 จะมีเครื่องบินเข้ามาเสริมทัพพี่บิ๊กเบิร์ดอีก 7 ลำ ประกอบไปด้วยเครื่องบินลำตัวแคบจำนวน 5 ลำและเครื่องบินลำตัวกว้างจำนวน 2 ลำ ซึ่งทางสายการบินคาดการณ์ว่าใช้ในการขยายเส้นทางเชิงรุกให้ครอบคุมภูมิภาคเอเชียมากขึ้นในช่วงปี 2562 โดยมีการวางแผนสำหรับเส้นทางบินใหม่ 9 เส้นทางในเมืองสำคัญ ๆ ไปยังประเทศจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และประเทศเกาหลีใต้
นกสกู๊ตเริ่มก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ในปี 2562 จากท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งหากมองย้อนกลับไปถึงความมุ่งมั่นพัฒนาของสายการบินที่ผ่านในปี 2561 ได้แก่ ในเดือนมิถุนายน 2561 นกสกู๊ตได้เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์กรุงเทพฯ – โตเกียว นับเป็นการเปิดตัวการเชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น การให้บริการทุกวันในเที่ยวบินนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งสู่ความเป็นสากลและเป็นสายการบินชั้นนำในเอเชียของนกสกู๊ต ในเดือนตุลาคมปี 2561 นกสกู๊ตได้เปิดเส้นทางเที่ยวบินแรกมุ่งหน้าสู่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นการขยายเส้นทางการบินไปสู่ท่าอากาศยานเมืองที่สองในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์แผนการขยายเครือข่ายเส้นทางไปยังประเทศญี่ปุ่นโดยการตกลงของสองประเทศในรูปแบบกาจราจรแบบทวิภาคี สายการบินนกสกู๊ตประสบความสำเร็จในการทำสถิติการบินทั้งเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากสนามบินนานาชาตินาริตะตลอดระยะเวลาสามเดือนแรกของการบินได้ตรงเวลาที่สุด ซึ่งมีคะแนนความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติการบิน (OTP) สูงถึง 94.68% สถิติดังกล่าวทำให้นกสกู๊ตเป็นหนึ่งในสายการบินที่ให้บริการบินที่สนามบินนาริตะที่มี คะแนน OTP ที่สูง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสถิติที่ “ยอดเยี่ยม” ในอุตสาหกรรมการบิน
คุณยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกสกู๊ตสุดปลื้มที่แคมเปญ ‘Xi’an Troops’ นำกองทัพจิ๋นซีฮ่องเต้บุกสยามเพื่อโปรโมตเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่ เมืองซีอาน ที่สร้างเสียงฮือฮาไปเมื่อเดือนธันวาคมของปี 2560 ที่ผ่านมา สามารถคว้าทั้งรางวัล Gold Dragon จากสาขา Best Use of Public Relations และ รางวัล Blue Dragon จากสาขา Best Campaigns by Country จากเวที Dragons of Asia 2018 เวทีมอบรางวัลให้กับผลงานการสื่อสารการตลาดที่ได้รับการยอมรับมาครอบครอง
นกสกู๊ต เปิดตัวเมนูใหม่ชวนเรียกน้ำย่อยที่ได้รังสรรค์ขึ้นมาแบบสุดพิเศษเพื่อพร้อมเสิร์ฟบนความสูง 34,000 ฟุต และการเปิดครัว “นกสกู๊ตคาเฟ่” ของพี่บิ๊กเบิร์ดในครั้งนี้ก็เพื่อรองรับการขยายเส้นทางการบินระหว่างประเทศเส้นทาง
ใหม่ๆ พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การเดินทางที่ดีขึ้นของผู้โดยสารและในเดือนธันวาคม 2561 นกสกู๊ตเปิดตัวเส้นทางการบินล่าสุดกรุงเทพฯ – เดลี ประทศอินเดีย นับเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเซียใต้ แห่งแรกของสายการบิน นกสกู๊ตให้บริการเที่ยวบิน ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200 ที่รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 415 ที่นั่ง แบ่งเป็นชั้นธุรกิจ (ScootBiz) 24 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 391 ที่นั่ง ซึ่งผู้โดยสารสามารถเลือกประสบการณ์การเดินทางได้ตามที่ต้องการและจ่ายเฉพาะสิ่งที่ผู้โดยสารเลือก อาทิ ตำแหน่งที่นั่ง อาหาร การเพิ่มน้ำหนักสัมภาระ รวมไปถึงบริการอื่นๆ อีกมากมาย
อีกทั้งยังเอาใจผู้โดยสาร โดยเพิ่มการให้บริการด้านการขนส่งสัมภาระจากเส้นทางการบินภายในประเทศของสายการบินนกแอร์ คือ เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ไปยังเส้นทางระหว่างประเทศของสายการบินนกสกู๊ต คือ โตเกียว และเทไป นกสกู๊ต ให้บริการจากท่าอากาศยานดอนเมือง ปัจจุบันให้บริการเส้นทางบินไปยัง เมืองนานกิง ชิงเต่า เสิ่นหยาง เทียนจิน และซีอาน ในจีนแผ่นดินใหญ่ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน เมืองนาริตะ
และเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และเส้นทางบินล่าสุดดอนเมือง – เดลี รองรับผู้โดยสารเป็นจำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์