“ผู้พิการ” ไม่ได้แปลว่าไร้ซึ่งความสามารถ ตรงกันข้าม หากได้รับโอกาสที่ดีในการแสดงศักยภาพและความสามารถ ผู้พิการจะเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าและสามารถสร้างประโยชน์อย่างมากต่อทั้งตนเอง ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยรวม ดังนั้น การให้โอกาสคือของขวัญที่มีค่าที่จะช่วยสร้างรอยยิ้มกำลังใจ และความสุขที่ยั่งยืนให้แก่ผู้พิการ
โอสถสภาได้ให้การช่วยเหลือผู้พิการมาตั้งแต่ปี 2555 ผ่านโครงการ “โอสถสภา เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” และต่อมาได้ริเริ่ม “โครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการตามมาตรา 35” ภายใต้แนวคิด “ให้เบ็ดดีกว่าให้ปลา” ที่มุ่งเน้นให้ผู้พิการมีความพร้อมและพัฒนาตนเองจนสามารถช่วยเหลือและเลี้ยงดูตัวเองได้ เพื่อให้ผู้พิการมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการช่วยเหลือผู้พิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ครอบคลุม 7 อำเภอในจังหวัดขอนแก่น มีผู้พิการเข้าร่วมกว่า 60 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้พิการที่ประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้เหมือนเดิม และล่าสุด โอสถสภาได้รับโล่และเกียรติบัตรในฐานะผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานวันคนพิการสากล จังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2561 พร้อมกันนี้ ยังได้รับเกียรติให้ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้พิการ เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกภาคส่วนเข้ามาสนับสนุนผู้พิการตามความถนัดของแต่ละหน่วยงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ดีขึ้นแก่ผู้พิการอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ โอสถสภาได้มีการดำเนินการในด้านต่างๆ ดังนี้ 1) การเสริมสร้างพลังกาย โดยร่วมกับเครือข่ายนักกายภาพบำบัดในพื้นที่เข้าฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพของผู้พิการ 2) การเสริมสร้างพลังใจให้คนพิการมีความหวังและมีพลังเดินหน้าต่อ โดยการช่วยปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้มีความเหมาะสมกับคนพิการ เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือและพึ่งพาตนเองได้มากที่สุด ผู้พิการจึงมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นและมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้นจนสามารถเข้าสังคมได้ดีขึ้น และ 3) การสร้างพลังชีวิต ด้วยการค้นหาและส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม พร้อมให้ความรู้และจัดสรรอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบอาชีพ ทั้งยังช่วยออกแบบตราสินค้า บรรจุภัณฑ์สินค้า จัดหาตลาด และสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสทางอาชีพแก่ผู้พิการในโครงการฯ สามารถทำให้ผู้พิการมีรายได้ที่มั่นคง โดยมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นราว 2,000-5,000 บาทต่อเดือน ทำให้ผู้พิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และมีความหวังและมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป
นางละมัย พร้อมสันเทียะ ผู้ป่วยติดเตียงกว่า 20 ปี ก่อนจะกลายเป็นช่างสานตะกร้าฝีมือดี กล่าวว่า “บริษัทโอสถสภาได้นำคุณหมอเข้ามาตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย พร้อมหาอาชีพและสอนวิธีทำงานฝีมือให้ ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตเรามีคุณค่าขึ้นมาก ตอนนี้เราก็ภูมิใจว่า สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ตะกร้าที่เราสานก็มีคนซื้อจริงๆ มีคนเห็นคุณค่า แม้เราจะพิการแต่เราไม่ถูกทอดทิ้ง ขอบคุณบริษัทฯ มากๆ ที่ให้โอกาสและช่วยเหลือตลอดมา”
นายสมพาน สารเงิน ผู้ที่เปลี่ยนความทดท้อในชีวิต จากไม่มีอาชีพมากว่า 3 ปี ให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์งานไม้ กล่าวว่า “พอรู้ว่าตัวเองขาพิการก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย จนกระทั่งมีบริษัทโอสถสภาและคุณหมอทีมนักภายภาพเข้ามาติดต่อ ถามว่าอยากทำงานไหม ผมก็บอกสนใจ จากนั้นก็จัดซื้อเครื่องมืองานไม้มาให้ ตอนนี้ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนพิการแล้ว พอได้ยินคนอื่นเรียกเราว่าช่างหมอกที่ทำงานไม้ เราก็รู้สึกมั่นคงและมั่นใจ”
นายสมนึก อิ่มเสถียร ปัจจุบันเป็นเกษตรกรผู้เพาะเห็ด โดยเปลี่ยนมุมอับในบ้านให้กลายเป็นโรงเห็ด กล่าวว่า “โครงการฯ นี้ ไม่ได้ให้เงิน แต่ให้ความรู้และพาไปศึกษาดูงานให้เห็นกระบวนการจริงๆ การให้ความรู้ดีกว่าให้เป็นเงิน เพราะเมื่อมีความรู้ เราก็สามารถช่วยตัวเองได้อย่างยั่งยืน”
ด้านนายอุทัย เจือไทสง ที่เปลี่ยนพื้นที่รกร้างข้างบ้านให้กลายเป็นโรงปลูกผักปลอดสารขนาดย่อม กล่าวว่า “หลังจากที่โครงการนี้เข้ามา สภาพจิตใจเราก็ดีขึ้น เพราะอย่างน้อยเราก็สามารถช่วยตัวเองได้ รู้สึกว่าตัวเรามีคุณค่า สามารถปลูกผักเองได้ รดน้ำเองได้ เอาผักไปขายได้ ไม่ได้เป็นภาระของใคร นอกจากนี้ครอบครัวของเราก็สามารถเข้ามาช่วยทำงานด้วย ขอบคุณบริษัทที่ช่วยในทุกขั้นตอน ทั้งหาอาชีพ ให้ความรู้ และแนะนำตลาดขายสินค้าให้อีกด้วย”
โอสถสภาเชื่อว่า ด้วยพลังและการสนับสนุนผู้พิการในวันนี้จะสร้างโอกาสใหม่ให้กับชีวิตของพวกเขาอีกครั้ง โอสถสภาพร้อมเป็นอีกหนึ่งพลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต เพื่อตอบแทนและร่วมเติบโตไปกับสังคมไทยอย่างยั่งยืน