วันเดอร์แมน ธอมสัน (Wunderman Thompson) บริษัทที่ปรึกษาด้านการสื่อสารการตลาดชั้นนำในเครือดับบลิวพีพี กรุ๊ป ผู้ให้บริการด้านความคิดสร้างสรรค์ ข้อมูล การให้คำปรึกษา อีคอมเมิร์ซ และการให้บริการทางเทคโนโลยี เผยผลสำรวจล่าสุดจัดทำโดยกลุ่มธุรกิจ Thompson Intelligence ของวันเดอร์แมน ธอมสัน ซึ่งเป็นการสำรวจเรื่อง “เศรษฐกิจสุขภาพในประเทศไทย (The Well Economy Thailand)” ในกลุ่มคนจำนวน 500 คน พบข้อมูลแปลกใหม่ที่น่าสนใจในกลุ่มผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ดำเนินชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกและความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยแบ่งเป็น 4 บริบทที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนไทยในยุคปัจจุบัน ได้แก่ นิยามของคำว่าสุขภาพ สาเหตุที่สุขภาพไม่ดี การรักษา สุขภาพและเทคโนโลยี
นิยามของสุขภาพดี ต้องดี 5 ด้าน! และการไดเอ็ทคือเทรนด์มาแรงสุดในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง!
เพียงสุขภาพกายใจที่ดี ยังไม่เพียงพอ เพราะความหมายของคำว่าสุขภาพดีในยุคปัจจุบันได้มีบริบทความกว้างขึ้น โดยมิได้หมายถึงแค่เพียงการที่ร่างกายไม่เจ็บป่วยเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงด้านอื่นๆ ผลการสำรวจล่าสุดพบว่าผู้คน
ในยุคนี้ให้คำนิยามของ “สุขภาพดี” ต้องครอบคลุมถึง สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพทางเพศ สติสัมปชัญญะ ความสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิต แต่กลุ่มคนเจน X และเบบี้บูมเมอร์จะรู้สึกว่า สุขภาพจิต เป็นส่วนสำคัญในนิยามของคำว่า “สุขภาพ” ในขณะที่เจน Z และคนรุ่นมิลเลนเนียล จะเชื่อมโยงสุขภาพกับ “สุขภาพด้านร่างกาย” และ “ความสมบูรณ์แข็งแรง”
ที่สำคัญประเด็นด้านการควบคุมดูแลอาหาร (Diet) เช่น การเลือกอาหารหรือการให้ความสำคัญกับการอ่านผลิตภัณฑ์ถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง มากกว่าการออกกำลังกาย ที่จะช่วยในการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี แรงจูงใจหลักในการดูแลร่างกายของคนไทยคือต้องการให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดี (Positive Self Image) ผ่านการมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและไม่มีโรคร้ายแรง โดยพบว่า 82% ผู้คนคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ฉันจะต้องดูดี 50% ของเจน Z มิลเลนเนียล และเจน X จดจ่ออยู่กับการดูแลรักษาร่างกายให้ดูดีสมส่วนและสมบูรณ์แข็งแรง และมักจะกังวลเรื่องน้ำหนักตัวของตนเองหรือการที่พวกเขาไม่กำยำล่ำสันมากพอ และ 89% มองว่าปัจจุบันนี้การเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพได้กลายเป็นกระแสนิยมที่ห้ามตกเทรนด์
แล้วถ้าเป็นเรื่องสาเหตุที่สุขภาพไม่ดีล่ะ? คนคิดว่าเกิดจากอะไร
คนไทย 90% เชื่อว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมอาจกระทบต่อสุขภาพของพวกเขา แทนที่จะกล่าวหาพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตส่วนตัวของตนเอง! นอกจากนี้ ยังหวังให้ภาครัฐออกมาทำหน้าที่ดูแลประชาชนอีกด้วย ส่วนปัจจัยอันดับหนึ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพไม่ดี คือ เรื่องเงินทองและการเงินส่วนบุคคล ถูกตั้งประเด็นว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้คนยุคนี้เกิดความเครียด (58%) เช่นเดียวกับในประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย (52%) จีน (42%) อินโดนีเซีย (60%) ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของพวกเขาโดยตรง และนำไปสู่วัฏจักรการหาเงินมาแก้ไขปัญหาสุขภาพวนเวียนอยู่ไม่รู้จบ เข้าข่ายที่ว่า “เงินน้อย (ลง) ส่งผลให้เกิดความเครียด เมื่อเกิดสภาวะเครียดกดดัน ก็กระทบกับสุขภาพกายและใจ จึงทำให้เจ็บป่วย เมื่อเจ็บป่วย จึงต้องเสียเงินเพื่อเยียวยารักษา” โดยพบว่าคนเจน X มีแนวโน้มจะมีความเครียดมากที่สุดในทุกแง่มุมของชีวิต
คำแนะนำผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์คือทางออกหลัก พุทธศาสนาส่งผลดีในด้านการรักษาตนเอง
เมื่อพบว่าป่วย คนไทยจะรักษาตนเองด้วยยาแก้ปวด ลดไข้ จากร้านขายยา มากที่สุด โดยกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล (65%) และเจน X (73%) จะรักษาตัวเองโดยใช้ยาแก้ปวดทั่วไปเพื่อให้ผลในทางรักษารวดเร็วประหยัดเวลา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่มากกว่าคนในรุ่นอื่นๆ นอกจากนี้ พวกเขายังใช้ยา “ธรรมชาติ” เป็นทางเลือกอีกด้วย อีกหนึ่งกระแสที่มาแรงและส่งผลต่อพฤติกรรมการรักษาคือ คนไทยในทุกกลุ่มอายุ จะใช้ช่องทางออนไลน์เป็นทางออกที่ช่วยเสริมคำแนะนำที่ได้รับจากช่องทางออฟไลน์ โดย 46% ของเบบี้บูมเมอร์จะไปคลินิก ตลอดจนค้นหาข้อมูลของอาการและวิธีการรักษาเพิ่มเติมจากช่องทางออนไลน์ ส่วนเจน Z (30%) คนรุ่นมิลเลนเนียล (27%) และเจน X (25%) จะเสาะหาคำแนะนำจากช่องทางโซเชียลมีเดีย และยังพบว่า เจน Z (19%) เลือกการรักษาด้วยการคุยกับแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า นอกจากนี้ คนไทยมองว่าแนวคิดทางพุทธศาสนาส่งผลทางบวกต่อสุขภาพ โดยคนไทยมีอัตราการทำสมาธิและบำบัดตนเองสูงสุดทั้งในแง่ของร่างกายและอารมณ์ อาทิ การทำสมาธิ 78% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 51% การผ่อนคลายด้วยสปา 60% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 53% รักษาโดยนักบำบัด 50% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 30%
แอปฯ สุขภาพ คือ ความหวังใหม่! ที่มาแรง!
ปัจจุบันเทคโนโลยีมีศักยภาพสูงในการช่วยรักษาสุขภาพของคนยุคปัจจุบัน แต่จำเป็นต้องให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้งาน และให้ความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล กว่าครึ่งของกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ยังไม่มีการใช้แอปพลิเคชันด้านสุขภาพเพื่อติดตามตรวจสอบสุขภาพของตน แม้จะอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างมากก็ตาม เช่น ญี่ปุ่น ซึ่ง 78% ของเบบี้บูมเมอร์ ระบุว่าพวกเขาไม่มีการใช้แอปพลิเคชัน โดยเหตุผลหลักที่ไม่ใช้แอปฯ มีความแตกต่างกันตามอายุ เช่น กลุ่มคนรุ่นเก่าไม่มีความรู้ตลอดจนไม่ได้ติดตามว่าแอปฯ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆนั้น ทำอะไรได้บ้าง และเชื่อถือแพทย์มากที่สุด ส่วนคนรุ่นมิลเลนเนียล (56%) เจน X (47%) และเจน Z (44%) คือกลุ่มหลักที่มีโอกาสจะเป็นกลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชั่นสุขภาพ แต่เมื่อสำรวจในกลุ่มผู้ใช้แอปฯ สุขภาพแล้ว พบว่าพวกเขารู้สึกว่าหากใช้อย่างถูกต้อง สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาไปถึงเป้าหมายตามนิยามของคำว่า “สุขภาพดี” ได้อย่างแน่นอน แอปฯ สุขภาพนั้นมีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยมอนิเตอร์เรื่องความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ น้ำหนัก อัตราการเต้นของหัวใจ และการควบคุมดูแลอาหาร/โภชนาการในแต่ละวัน โดย 87% เชื่อว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้ 81% ชอบที่จะติดตามแอพตรวจสอบสุขภาพของตนที่บ้านมากกว่าที่จะไปพบแพทย์
สถานการณ์ “เศรษฐกิจสุขภาพ” ของคนไทยในระดับ Micro Segment คือ ดัชนีชี้วัดสำคัญของความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพของประเทศ สุขภาพกายใจของคนคือผลสรุปของ ระดับความเป็นอยู่ของประชาชน การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ และสภาพสังคมในระดับมหภาค เพราะ “คนที่มีคุณภาพ” ย่อมสร้าง “ประเทศชาติที่มีคุณภาพ” เช่นกัน ยิ่งโดยเฉพาะในโลกที่มีการแข่งขันสูง และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การรู้เท่าทันสุขภาพทั้ง สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพทางเพศ สติสัมปชัญญะ ความสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิต จึงเป็นวาระสำคัญ ที่ทุกภาคส่วน รวมถึงคนไทยทุกคน ที่จะต้องหันมารณรงค์ในการดูแลป้องกันก่อนที่ ปัญหาสุขภาพ จะกลายเป็นวัฏจักร “จน – เครียด – ป่วย” จนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในที่สุด
Photo Credit : NUMBER 24- Authorized Shutterstock Partner in Thailand