หลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมโจมตีมัสยิดที่นิวซีแลนด์ซึ่งผู้ก่อการร้ายอาศัยช่องทางโซเชี่ยลมีเดียเผยแพร่การกระทำอันเลวร้ายของตัวเอง และมีผู้ที่แชร์คอนเทนต์นี้ไปมากกว่าที่คิด แต่ก่อนที่ Facebook ซึ่งตกเป็นเครื่องมือของสถานการณ์ดังกล่าวจะไล่ลบวิดีโอและภาพที่เกิดขึ้น คอนเทนต์ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและเกลียดชังกว่า 17 นาทีนี้ ก็ปรากฏขึ้นมาจนเฟซบุ๊กต้องลบไปมากกว่า 1.5 ล้านคอนเทนต์
จากเหตุการณ์นี้ นำไปสู่การตั้งคำถามในโลกออนไลน์ว่าถึงเวลาหรือยัง ที่โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ตทั้งหลาย จะพิจารณาเรื่องการใช้ฟังก์ชั่น Live Streaming อย่างจริงจังเพื่อหลีกเลี่ยงกรณีที่ภาพของความรุนแรงได้ถูกปล่อยออกมาอย่างไม่เหมาะสม ถึงขนาดบางคนบอกว่าจะเลิกเล่น Facebook เลยทีเดียว และ Tony Fernandes ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ AirAsia ก็เป็นผู้บริหารระดับสูงรายแรกๆ ที่ประกาศออกมาว่า เฟซบุ๊กต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเลิกคิดถึงเรื่องเงินได้แล้ว ส่วนเขาจะเลือกใช้ Twitter ต่อไป โดยเขาแสดงออกโดยการ ปิดแอคเคานท์ส่วนตัวใน Facebook ซึ่งมีผู้ติดตามสูงถึง 670,000 คนเป็นที่เรียบร้อย และนี่คือคำประกาศของเขาผ่าน Twitter
Closed down my Facebook account with 670 k followers. Just thinking about Twitter now. Weather to close or carry on. The amount of hate that goes on in social media sometimes outweighs the good. But on Twitter I think the battle for me goes on.
— Tony Fernandes (@tonyfernandes) March 17, 2019
Facebook could have done more to stop some of this. I myself have been a victim of so many fake bitcoin and other stories. 17 mins of a live stream of killing and hate!!!! Its need to clean up and not just think of financials.
— Tony Fernandes (@tonyfernandes) March 17, 2019
งานนี้ไม่รู้ว่า Facebook จะออกมาตรการหรือปรับปรุงอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่ ในเมื่อซีอีโอของแบรนด์ใหญ่ในเอเชียออกมาประกาศแบบนี้ และแนวคิดนี้จะเป็นแค่ความคิดส่วนตัวหรือส่งผลกระทบกับการใช้สื่อโฆษณาดิจิทัลของแบรนด์ AirAsia ด้วยหรือเปล่า ในเมื่อทุกวันนี้ก็ต้องยอมรับว่าถึงแม้กระแสของ Facebook ไม่เติบโตเหมือนเก่า แต่ทุกวันนี้ Facebook ก็ยังเป็นโซเชี่ยลมีเดียอันดับ 1 ของโลกอยู่ และตลาดผู้ใช้งานในเอเชียก็มีความสำคัญอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว