เรียกว่าเป็นนโยบายที่ท้าทายสุด ๆ สำหรับ Grab สิงคโปร์ ที่มีแผนจะคิดค่าธรรมเนียมกับผู้ใช้บริการหากมีการ “แคนเซิลทริป” เป็นเงิน 4 – 5 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 93 – 116 บาท ซึ่งล่าสุดแผนดังกล่าวได้ถูกเลื่อนไปแล้วเรียบร้อย จากที่จะบังคับใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) ไปเป็นวันที่ 25 มีนาคมแทน
โดยเงื่อนไขที่จะปรับผู้โดยสารบนเกาะสิงคโปร์นั้นทาง Grab ได้ระบุเอาไว้ว่า จะปรับเฉพาะผู้โดยสารที่แคนเซิลทริป (หลังจากที่ระบบจับคู่กับคนขับได้แล้วเป็นเวลานานกว่า 5 นาที) เป็นจำนวน 3 ครั้งขึ้นไปเท่านั้น เนื่องจากมองว่าไม่ยุติธรรมกับคนขับที่กำลังขับรถมารับ และเงินค่าปรับ 5 เหรียญสิงคโปร์ก็จะโอนเข้าสู่กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของคนขับทันที
ส่วนกรณีของ GrabShare ซึ่งเป็นบริการคาร์พูลนั้นจะปรับเข้มงวดมากกว่า โดยผู้โดยสารที่ไม่มาแสดงตัว ณ จุดนัดหมาย และถูกคนขับแคนเซิลทริป จะถูกปรับเงิน 4 เหรียญสิงคโปร์ให้กับคนขับ แต่ถ้าหากคนขับตัดสินใจที่จะรอผู้โดยสารคนนั้น ระบบจะคิดเงินเพิ่ม 3 เหรียญสิงคโปร์ต่อการรอทุก ๆ 5 นาที
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทได้ออกมาประกาศเลื่อนการบังคับใช้นโยบายดังกล่าวออกไปเป็นวันที่ 25 มีนาคมแทน โดยให้เหตุผลว่า เพราะผู้โดยสารบางส่วนยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับนโยบายใหม่นี้ จึงอยากใช้เวลาทำความเข้าใจกับผู้โดยสารให้ดีเสียก่อน จึงจะบังคับใช้
หนึ่งในความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนก็คือ การที่ผู้โดยสารบางส่วนออกมาประท้วงว่า นโยบายนี้ไม่ยุติธรรม เพราะถ้าจะคิดค่าปรับกันจริง ๆ เวลาที่รถของ Grab มาไม่ถึงจุดนัดหมายในเวลาที่กำหนด คนขับก็ควรจะถูกคิดค่าปรับด้วยเช่นกัน
ในส่วนนี้ Grab ย้ำว่า หากรถของ Grab ยังไปไม่ถึงจุดนัดหมายตามเวลาที่กำหนด บริษัทจะไม่มีการปรับผู้โดยสารที่แคนเซิลทริปแต่อย่างใดอยู่แล้ว และ Grab เองก็ทราบตำแหน่งของคนขับรถตลอดเวลา ดังนั้นระบบจึงสามารถตรวจจับได้อยู่แล้วว่ารถกำลังเคลื่อนตัวไปหาผู้โดยสารหรือไม่
แต่สำหรับวันที่ 25 มีนาคมที่นโยบายดังกล่าวจะบังคับใช้ (หากไม่มีการเลื่อนอีก) ในส่วนของคนขับ Grab นั้นมีความกังวลว่า นโยบายดังกล่าวจะทำให้ผู้โดยสารเลือกใช้บริการจาก Grab น้อยลง และหันไปใช้งานแอปพลิเคชันอื่นที่ไม่เก็บค่าปรับพวกเขาแทน