หลังจากที่ยูนิโคล่ขยายการพัฒนาโมเดลร้านรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า โรดไซด์ สโตร์ (Roadside Store) หรือร้านในทำเลติดถนน เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2561 กับยูนิโคล่ โรดไซด์ สาขาพัฒนาการ และยังถือเป็นครั้งแรกในการนำโมเดลโรดไซด์ สโตร์เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเลือกประเทศไทยในการนำร่องสำหรับภูมิภาค (เหตุผลยูนิโคล่ขยายสาขานอกห้าง) หลังจากก่อนหน้ามีโมเดลในลักษณะเช่นนี้มาแล้วในญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน ตามลำดับ
ปีที่ผ่านมา มีการขยายร้านยูนิโคล่ โรดไซด์ สโตร์ ไปแล้ว 2 สาขา ได้แก่ สาขาแรกที่พัฒนาการ และยังเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้ ด้วยพื้นที่เกือบ 1,500 ตารางเมตร ตามาด้วยสาขา สาซาล อเวนิว ด้วยพื้นที่เกือบ 1 พันตารางเมตร ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งทางยูนิโคล่ให้ฟีดแบคสำหรับผลตอบรับจากทั้งสองสาขาว่าค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะความตั้งใจให้สาขาโรดไซด์เหล่านี้ กลายเป็นศูนย์กลางของแต่ละชุมชนที่อยู่โดยรอบ
ในเดือนนี้ (มีนาคม 2562) เป็นวาระครบรอบ 1 ปีพอดี สำหรับการมีโมเดลโรดไซส์ สโตร์ ในประเทศไทย ประกอบกับประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักและตลาดที่มีการเติบโตในระดับสูงของยูนิโคล่ หลังจากขยายธุรกิจเข้ามาในไทย ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบันยูนิโคล่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้ 8 ปี พร้อมถือโอกาสในการเปิดร้านโรดไซด์ สโตร์ สาขาที่ 3 โดยเลือกขยับมาในโซนรอบ กทม. อีกฝั่ง อย่างโซนปิ่นเกล้ากับ “ยูนิโคล่ โรดไซส์ บุญถาวร ปิ่นเกล้า” โดยสาขานี้มีพื้นที่ 805 ตารางเมตร พร้อมถือโอกาสเผยแผนในการขยายสาขาที่ 4 อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะให้บริการได้ราวๆ เดือนหน้านี้แล้ว โดยเลือกทำเลในการขยายต่อไปเป็นแถบย่านมีนบุรี
คุณโอกุริ โทโมโยชิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า ช่วงไตรมาสสองนี้ ยูนิโคล่จะมีจำนวนสาขาครบ 50 สาขา จากปัจจุบันมี 48 สาขา โดยสาขาล่าสุดที่เปิดในเดือนมีนาคมนี้ มีทั้งสาขาในศูนย์การค้าอย่างยูนิโคล่ ชัยพฤกษ์ ที่อยู่ในโครงการของอินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ และช่วงต้นเดือนได้เปิดสาขาไปก่อนหน้าที่เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ และเซ็นทรัลเชียงราย รวมทั้งสาขาใหม่ของรูปแบบร้านริมถนน หรือโรดไซด์ สโตร์ ที่บุญถาวร ปิ่นเกล้านี้ โดยยังอยู่ระหว่างการเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง ทั้งการขยายโรดไซส์ สโตร์ สาขาใหม่ เป็นสาขาที่ 4 ในย่านมีนบุรี ที่จะเปิดให้บริการในเดือนเมษายน และอีกหนึ่งสาขาจะเปิดให้บริการราวเดือนพฤษภาคม ได้แก่ สาขาเซ็นทรัล ภูเก็ต
“ยูนิโคล่ให้ความสำคัญกับการนำธุรกิจเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และทำให้แบรนด์มีส่วนในการพัฒนาชุมชนให้เติบโตควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ ในฐานะ Social Hub หรือเป็นศูนย์กลางในการใช้ชีวิตหรือทำกิจกรรมต่างๆ ของแต่ละชุมชนที่ยูนิโคล่ขยายธุรกิจเข้าไป โดยโมเดลโรดไซส์ สโตร์ เป็นรูปแบบในการทำธุรกิจที่ตอบโจทย์ในเรื่องเหล่านี้ของยูนิโคล่ได้เป็นอย่างดี และตลอดหนึ่งปีที่มีการพัฒนาโมเดลธุรกิจนี้เข้ามาในประเทศไทยก็สามารถตอบโจทย์ได้ตามที่ยูนิโคล่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะการใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับชุมชน และมีส่วในการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมโดยรอบภายในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น”
โมเดลริมถนน มากกว่าสโตร์แต่เป็น Brand Touchpoint
ยูนิโคล่ วางตำแหน่งตัวเองไว้ต่างจาก Fast Fashion เช่นเดียวกับแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น ในกลุ่ม Affordable Price ทั่วไป แต่มองตัวเองเป็นกลุ่มที่มี Value For Money ที่ดำเนินธุรกิจบนปรัชญา Life wear ตามค่านิยมของชาวญี่ปุ่นที่เน้นความเรียบง่าย คุณภาพ และความยืนยาว เน้นการออกแบบเพื่อให้เป็นเสื้อผ้าแห่งยุคสมัย ทันสมัย และมีความทนทานเพื่อให้สามารถสวมใส่ได้ในทุกๆ วัน ซึ่งยูนิโคล่ตั้งใจขยายแนวคิดนี้ในการเลือกซื้อเสื้อผ้าไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลก
ขณะที่โมเดลโรดไซด์ สโตร์ เป็นหนึ่งโมเดลที่เพิ่มโอกาสให้ผู้คนทั่วไปเข้าถึงแบรนด์ยูนิโคล่ได้สะดวก และง่ายดายมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปในศูนย์การค้า แต่สามารถเข้าถึงร้านเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ยูนิโคล่ได้โดยสะดวก ด้วยไลน์อัพสินค้าที่ไม่แตกต่างจากสโตร์ที่อยู่ในศูนย์การค้า พร้อมด้วยที่จอดรถได้สะดวก และอยู่ใกล้ชุมชน ไม่ต้องเดินทางไกล เป็นทางผ่านที่แวะได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะสาขาล่าสุดอย่างยูนิโคล่ โรดไซด์ บุญถาวร ปิ่นเกล้า ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบรมราชนนี อีกหนึ่งเส้นทางหลักที่ผู้คนในละแวกนั้นใช้ในการสัญจรผ่านอยู่เป็นประจำ ด้วยพื้นที่ 805 ตารางเมตร และมีสินค้าไลฟ์แวร์อยู่ภายในร้านอย่างครบถ้วนทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง ผู้ชาย และสินค้าเด็ก
นอกจากเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าโมเดลโรดไซด์ สโตร์ ยังเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ทัชพ้อยท์ ที่จะช่วยทำให้ยูนิโคล่มีความใกล้ชิดกับชุมชนในแต่ละพื้นที่มากขึ้น ซึ่งตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาในประเทศไทย ยูนิโคล่ โรดไซด์ สโตร์ทั้งสองแห่ง กลายเป็นหนึ่งกลไกในการพัฒนาชุมชนและศูนย์กลางด้านไลฟ์สไตล์ ผ่านการจ้างงานคนในพื้นที่ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันชุมชน โดยเฉพาะกิจกรรมในการ Educated เรื่องเกี่ยวกับการแต่งกาย ที่เริ่ม Engagement ได้ตั้งแต่กลุ่มเด็กๆ เพราะกลุ่มครอบครัวถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญของร้านในรูปแบบโรดไซด์ โดยที่เด็กๆ จะเป็นกลุ่มที่มีความผูกพันธ์กับแบรนด์ที่ตัวเองรักและใกล้ชิดค่อนข้างสูง การที่ยูนิโคล่สามารถเข้าถึงกลุ่มเด็กๆ ในแต่ละชุมชนได้มากขึ้น ก็จะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นกลุ่มที่มีแบรนด์ลอยัลตี้ค่อนข้างสูงอีกด้วย
เดินหน้าขยายทุกแพลตฟอร์มอย่างแข็งแรง
แม้จะเริ่มเห็นการขยายสาขาโรดไซด์เพิ่มมากขึ้น แต่ทางยูนิโคล่ ประเทศไทย ยังคงให้ความสำคัญกับทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงยูนิโคล่ได้อย่างสะดวกสบายและจากทุกช่องทางได้มากที่สุด โดยปัจจุบันทุกสาขาของยูนิโคล่ สามารถใช้เป็นจุดสำหรับการสั่งซื้อสินค้าแบบ Click & Collected สำหรับการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ แล้วแวะรับสินค้าได้จากสาขาและในเวลาที่ตัวเองสะดวก เพื่อเติมเต็มธุรกิจในแบบ O2O (Online to Offline) หลังจากได้พัฒนาธุรกิจบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมาตั้งแต่ปี 2016 ให้ตอบโจทย์ยุค Digital Lifestyle ที่คนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและมีการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่การเติบโตของยอดขายในฟากออนไลน์เริ่มมีแนวโน้มที่ดีและเติบโต แต่ยังมีสัดส่วนไม่มากนัก เนื่องจาก ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ โดยยอดขายผ่านอีคอมเมิร์ซของยูนิโคล่จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสัดส่วนอยู่ที่ราว 5% ขณะที่ในประเทศไทยยังน้อยกว่าอยู่มาก แต่เชื่อว่ามีโอกาสเติบโตได้ตามพฤติกรรมที่จะขยับมาสู่การใช้งานผ่านออนไลน์มากขึ้น ทำให้ประเทศไทย มีโมเดลธุรกิจของยูนิโคล่ทั้งแพลตฟอร์ม Online Store และ Physical Store ที่มีทั้งสาขาภายในศูนย์การค้า และโรดไซด์ สโตร์ ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้ว ทางยูนิโคล่ ยังมองการขยายโรดไซด์ สโตร์ ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติมอีกด้วย
ขณะที่ในประเทศไทยจะขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งสาขาภายในศูนย์การค้า ที่ปัจจุบันมีอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งสาขาในรูปแบบโรดไซด์ ซึ่งปัจจุบันยังมีสาขาอยู่เฉพาะในแถบรอบๆ กรุงเทพฯ ซึ่งมองว่ายังมีโอกาสในการขยายตลาดได้อีกมาก โดยเฉพาะโอกาสในตลาดต่างจังหวัดซึ่งเป็นแผนในอนาคต โดยการขยายโมเดลแบบโรดไซด์ยังมีทั้งที่เป็นร้านแบบ Stand Alone เช่นที่สาขาพัฒนาการ และร้านที่อยู่ในบริเวณเดียวกับคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ ซึ่งการเลือกโลเกชั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการขยายโรดไซด์ เพราะต้องมีพื้นที่ใกล้กับชุมชน และมีกำลังซื้อที่เหมาะสม รวมทั้งมีที่จอดรถเพียงพอให้สามารถรองรับลูกค้าได้อย่างสะดวก เพื่อให้ยูนิโคล่เป็นส่วนหนึ่งที่คนในชุมชนจะเข้ามาใช้บริการได้บ่อยครั้ง
ปัจจุบันยูนิโคล่มีสาขากระจายอยู่ใน 21 ประเทศทั่วโลก มากกว่า 2,000 แห่ง ทั้งในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สเปน สวีเดน ไต้หวัน ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยมียอดจำหน่ายทั่วโลก (อัตราแลกเปลี่ยน 1ดอลลาร์ ต่อ 111.1 เยน เมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 2018)