มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ Adidas ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้กับการประกาศความร่วมมือกับ Beyoncé นักร้อง R&B ชื่อดังเพื่อออกไลน์สินค้ากีฬาภายใต้ชื่อ Ivy Park โดยนักร้องดังจะรับตำแหน่ง Creative Partner ให้กับแบรนด์ดังกล่าว
ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ยังเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ Adidas ที่หันมาจับมือกับบรรดาเซเลบริตี้ในแวดวงต่างๆ เพื่อสร้างสีสันให้กับวงการรองเท้ากีฬา ซึ่งเป็นแนวคิดที่ Adidas ริเริ่มก่อนใครมาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน (2014) โดยในยุคนั้น การเซ็นสัญญากับบรรดาคนดังที่ไม่ใช่นักกีฬาถือเป็นเรื่องที่แปลกมากของวงการ
แต่ความแปลกไม่ใช่ปัญหาของ Adidas โดยจะเห็นได้ว่า บริษัทสามารถดึงดูดบรรดาศิลปินดัง ๆ จากหลากหลายวงการมาร่วมงานได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kanye West, Pharrell Williams ไปจนถึงดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Raf Simons, Yohji Yamamoto, Stella McCartney และ Rick Owens นั่นสะท้อนให้เห็นว่า กลยุทธ์ของ Adidas คือการเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ รวมถึงก้าวไปเป็นผู้นำเทรนด์ในวัฒนธรรมป๊อป มากกว่าจะเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาแต่เพียงอย่างเดียว
ผลจากการริเริ่มของ Adidas ยังทำให้ค่ายอื่น ๆ ทำตาม ดังจะเห็นได้ว่าทั้ง Puma และ Nike ต่างมีข่าวจับมือกับเซเลบริตี้ออกมาเช่นกัน ซึ่ง Jim Cusson ประธานบริษัท Theory House เอเจนซีด้านค้าปลีกได้กล่าวยกย่อง Adidas ว่า มีแบรนด์ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่มองว่าการนำคนนอกวงการกีฬามาร่วมงานกันจะนำไปสู่ความสำเร็จ แต่งานนี้ควรให้เครดิตกับ Adidas ในฐานะแบรนด์แรกที่ยอมเสี่ยงทำแนวคิดนี้ให้เป็นจริง
การจับมือกับเซเลบบริตี้ชื่อดังเหล่านี้ เป็นเพราะในระยะหลังทิศทางการขับเคลื่อนของแบรนด์อุปกรณ์กีฬาก็ปรับตัวมาเป็นแบรนด์ “แฟชั่นกีฬา” พฤติกรรมผู้บริโภคและมุมมองกับการใส่เสื้อผ้ากีฬาในชีวิตประจำวันก็แพร่หลายมากขึ้น
มากไปกว่านั้น การร่วมมือกับ Beyoncé ในครั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นความสำเร็จอีกครั้งของ Adidas ที่สามารถตัดหน้าคู่แข่งได้ เนื่องจากมีรายงานว่าทั้ง Jordan และ Under Armour ต่างก็ติดต่อ Beyoncé เพื่อที่จะเซ็นสัญญากับเธอเช่นกัน แต่เธอเลือกที่จะจับมือกับ Adidas พร้อมกล่าวว่า Adidas ถือเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญในชีวิตของเธออีกด้วย
ซึ่งหลังจากมีการประกาศชื่อ Beyoncé ออกมา หุ้นของ Adidas พุ่งขึ้นทันที 1.35% ไปปิดที่ 127.20 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า Beyoncé จะสามารถเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตให้กับสินค้าของบริษัท หลังจากที่ยอดขายสินค้ากลุ่ม Stan Smith และ Superstar มีแนวโน้มเติบโตลดลง ขณะที่การทำ Collaborate กับศิลปินอย่าง Kenye West ที่ปั้น Adidas Yeezy กลับได้รับความนิยมเกินคาด ทั้งราคาขายที่หน้าร้าน และเป็นกระแสจนราคาขายต่อพุ่ง ซึ่งนั่นก็สร้างผลดีกับแบรนด์ในระยะยาวในแง่ของคุณค่าสินค้า ด้วยเหตุนี้เองการจับมือกับนักกีฬาก็ต้องดำเนินต่อไป แต่เรื่องเซลเลบบริตี้ก็ต้องลุยหนัก