HomeDigitalสตรีมมิ่ง On-Demand เข้าสู่ยุคแข่งขันด้วยราคา? Disney+ ท้าชน Netflix ด้วยค่าบริการ 6.99 USD ต่อเดือน

สตรีมมิ่ง On-Demand เข้าสู่ยุคแข่งขันด้วยราคา? Disney+ ท้าชน Netflix ด้วยค่าบริการ 6.99 USD ต่อเดือน

แชร์ :


เปิดรายละเอียดออกมาแล้วสำหรับแอปพลิเคชัน Disney+ บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ที่ถูกวางตัวให้เป็นคู่แข่ง Netflix โดยต้องยอมรับว่า มีความคล้ายคลึงกับ Netflix อยู่หลายประการ ทั้งการใช้อัลกอริธึมในการนำเสนอคอนเทนต์, การแบ่งหมวดของคอนเทนต์ และการพัฒนาให้รองรับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Apple TV, Roku, PS4 หรือ Nintendo Switch ฯลฯ โดยมีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างจาก Netflix นั่นคือราคาค่าบริการที่ทาง Disney+ จะคิดที่ 6.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน หรือ 69 เหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งถูกกว่า Netflix ที่คิดค่าบริการอยู่ที่ 12.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือนนั่นเอง


สำหรับคอนเทนต์ในสต็อกที่ Disney+ จะให้บริการนั้นประกอบด้วยภาพยนตร์ราว 500 เรื่อง และรายการซีรีส์ต่าง ๆ ของ Disney กว่า 7,000 ตอนให้ได้เลือกชมกัน ซึ่งรวมถึงคอนเทนต์ในกลุ่ม Marvel, Star Wars, Pixar, รายการจาก National Geographic และคอนเทนต์จาก The Simpsons

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นอกจากคอนเทนต์ที่มีอยู่แล้ว Kevin Mayer หัวหน้าฝ่าย direct-to-consumer ของ Disney ยังได้กล่าวถึงโปรเจ็คที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อลงฉายใน Disney+ ด้วย เช่น ซีรีส์ Falcon and Winter Soldier จาก Marvel ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับตัวละครใน Avengers รวมถึงโปรเจ็คยักษ์อย่าง Loki และ Hawkeye จาก Marvel Studio ฯลฯ

ฟีเจอร์ Disney+ แรงบันดาลใจจาก Netflix 

สำหรับการใช้อัลกอริธึมในการคัดเลือกคอนเทนต์ให้กับผู้ใช้งานแต่ละรายนั้น ระบบจะแบ่งออกได้เป็น Category ต่าง ๆ เช่น Disney+ Originals, Recommended for You, และ Continue Watching ซึ่งค่อนข้างคล้ายคลึงกับการแบ่งประเภทของ Netflix

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ต่างกันก็คือแอคเคาน์ผู้ใช้บริการที่รองรับหลายแอคเคาน์ และมีระบบ Parental Control สำหรับผู้ปกครองเอาไว้จัดระเบียบลูกหลานร่วมด้วย

ส่วนธุรกิจในเครืออย่าง Hulu และ ESPN นั้น ทางผู้บริหารของ ESPN ได้เคยออกมาบอกใบ้ไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีโอกาสจะถูกบันเดิลเข้ามาใน Disney+ ด้วย ส่วนจะบันเดิลอย่างไรและราคาเท่าไรนั้นยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมา แต่อาจเป็นไปได้ว่าจะมีความชัดเจนก่อนกำหนดเปิดให้บริการ Disney+ ในวันที่ 12 พฤศจิกายนปีนี้

จากการประกาศของ Disney สะท้อนให้เห็นว่า ใด ๆ ในโลกล้วนไม่แน่นอน จากพาร์ทเนอร์ธุรกิจก็กลายเป็นคู่แข่งกันได้ เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับ Netflix และ Disney ซึ่งการมาเป็นคู่แข่งกันนั้น ยังทำให้คอนเทนต์บางส่วนต้องเตรียมอำลาจาก Netflix ด้วย เช่น Star Wars: The Clone Wars เพื่อมาอยู่บน Disney+ และเพื่อให้การแข่งขันครั้งนี้สมน้ำสมเนื้อ ทาง Disney ก็เตรียมยุติ Vault Program หรือก็คือการดึงภาพยนตร์บางส่วนที่เคยได้รับความนิยมมาเก็บเอาไว้ระยะเวลาหนึ่ง โดยหลังจากมี Disney+ ผู้ชมจะเข้าถึงคอนเทนต์เหล่านี้ได้โดยไม่มีกั๊กอีกต่อไปนั่นเอง

บริการ Streaming รายล่าสุด ที่จะมาเขย่าวงการนี้ จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยดิสนี่ย์มีแผนว่าจะขยายไปทั่วโลกภายใน 2 ปีข้างหน้า

Source

Source

Source

Source

Source

Source


แชร์ :

You may also like