หรือนี่คือหลักฐานการล่มสลายของรีเทลอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ Topshop และ Topman แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำจากอังกฤษ ได้ประกาศล้มละลายในสหรัฐอเมริกา และนั่นทำให้ทางแบรนด์ต้องประกาศปิดสาขาทั้ง 11 แห่งในสหรัฐอเมริกาทันที
ตามที่ Arcadia Group บริษัทแม่ของแบรนด์ Topshop และ Topman ระบุว่า “มันเป็นการเผชิญหน้ากับสภาวะการณ์ทางการตลาดที่คาดเดาไม่ได้ที่สุดในประวัติศาสตร์ค้าปลีก”
แบรนด์แฟชั่นที่ลุยตลาดในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ทศวรรษก่อน ต้องประสบปัญหาทั้งภายใน และจากการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการที่ Sir Philip Green เจ้าของแบรนด์ถูกกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศ ในเดือนตุลาคม 2018 จนลูกค้าแห่แบนไม่ซื้อสินค้า ไปจนถึงการต่อสู้อย่างดุเดือดจากแบรนด์ Fast Fashion แบรนด์อื่นที่ถาโถมเข้ามา ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปเลือกซื้อเสื้อผ้าจากเว็บไซต์ออนไลน์อย่าง Asos
Ian Grabiner ซีอีโอของ Arcadia กล่าวในแถลงการณ์ว่า “นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากแต่เราก็จำเป็นต้องทำเพื่อธุรกิจ”
“การต่อสู้กับกระแสความท้าทายในธุรกิจรีเทล ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและการเพิ่มขึ้นของคู่แข่งทางออนไลน์ เราได้พิจารณาอย่างจริงจังแล้วถึงแนวทางที่จะทำให้บริษัทกลับมามีสถานะทางการเงินที่มั่นคง”
และในตอนนี้ทางแบรนด์ก็ยังไม่แถลงออกมาอย่างเป็นทางการว่า หลังจากปิดสโตร์ใน New York, Los Angeles, Atlanta, Las Vegas, San Diego, Chicago, Houston และ Miami แล้ว จะดำเนินการขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ต่อหรือไม่ จากการคาดการณ์ของบริษัทวิจัย Coresight มองว่า ปี 2019 ร้านค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาน่าจะปิดทั้งสิ้น 5,994 แห่ง ต่อเนื่องจาก 5,864 แห่งในปีที่แล้ว ซึ่งมีแบรนด์ดังต้องโบกมือลาจากไปมากมาย เช่น Payless, Charlotte Russe และ Sear ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง