เอ่ยชื่อ “Toshiba” ในความทรงจำของคนไทย เชื่อว่าตลอดหลายสิบปีมานี้ เราคุ้นเคยกับ Toshiba ในหลายแง่มุม โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดเก๋ ๆ อย่าง “Toshiba นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” ที่ทำให้เด็กในยุคหนึ่งร้องกันติดปาก
อย่างไรก็ดี ความมั่นใจของผู้บริโภคต่อ Toshiba ในวันนี้อาจไม่เหมือนวันวาน ประกอบกับการออกมาประกาศของ Toshiba Thailand เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าบริษัทได้หยุดการเป็นผู้แทนจำหน่ายและให้บริการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประเภททีวีเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2019 เป็นต้นไปและปรากฏชื่อของบริษัท Skyworth Thailand ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเข้ามาดูแลการจัดจำหน่าย และบริการหลังการขายแทนก็น่าจะสร้างความสงสัยให้ผู้บริโภคได้ไม่น้อยว่า แล้ว Toshiba หลังจากนี้จะเดินต่ออย่างไร
คำตอบของคำถามนี้ Skyworth คือผู้ที่ตอบได้ดีที่สุด เพราะปัจจุบัน Toshiba เป็นหนึ่งใน 3 แบรนด์ที่ Skyworth รับหน้าที่ดูแล ซึ่งอีก 2 แบรนด์ได้แก่ Coocaa และแบรนด์ Skyworth เอง
Skyworth คือใคร ใหญ่แค่ไหนจะมาดูแล Toshiba
สำหรับตลาดไทยในตอนนี้ จากการเปิดเผยของคุณหวัง จิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกายเวิร์ท (ไทยแลนด์) จำกัด ระบุว่า Skyworth ยังมีส่วนแบ่งตลาดในไทยไม่มากนัก โดย 3 แบรนด์ที่กล่าวมา Toshiba มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด นั่นคือ 6% ตามมาด้วย Skyworth ที่ 3 – 4% และ Coocaa อีก 1% (Coocaa เป็นแบรนด์ที่ Skyworth จะทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น ไม่มีวางขายตามร้านทั่วไป)
แต่ภาพนี้ตรงกันข้ามกับภาพที่เกิดขึ้นในสาธารณรัฐประชาชนจีน และตลาดโลก เพราะปัจจุบัน Skyworth คือเบอร์หนึ่งของตลาดทีวีในจีนด้วยยอดขาย 40,000 ล้านหยวน (ตัวเลขผลประกอบการปี 2018) และเป็น Top5 ของโลก อีกทั้งยังมีศูนย์ R&D และโรงงานการผลิตกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ อย่างละ 10 แห่งทั่วโลก
หากกล่าวถึงจุดเด่นของ Skyworth อาจต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ทีวีที่เป็นพระเอก หากแต่เป็น Ecosystem โดยรวมที่มี AI ฝังตัวอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ (รวมถึงทีวี) เพื่อให้มันสามารถเชื่อมต่อกันได้มากกว่า และทีวีจาก Skyworth ที่ทำยอดขายได้ดีก็ไม่ใช่ทีวีราคาถูกอย่างที่คนไทยคุ้นเคย หากแต่อยู่ในโพสิชัน “Hub” ของบ้านที่ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านได้ผ่านคำสั่งเสียงเสียด้วย
การประกาศตัวดูแล Toshiba ของ Skyworth จึงมาพร้อมคำสัญญาของคุณหวัง จิง ที่ว่า จะปรับปรุงประสิทธิภาพและทำให้ Toshiba ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่า Toshiba ยังได้ไปต่อในตลาดไทย โดยจะมีการเปิดตัว Android TV รุ่นใหม่ ๆ รวมถึง AI TV ตามมาอย่างแน่นอน
2019 ปีแห่งการรุกหนักของ Skyworth
คุณหวัง จิง ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า ในปี 2019 บริษัทตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมียอดขายทั้ง 3 แบรนด์รวมกันแตะ 1,500 ล้านบาท จากปี 2018 ที่มีอยู่เพียง 500 ล้าน หรือเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว
โดยทีวีที่ Skyworth จะนำมาใช้ขยายตลาดในประเทศไทยคือกลุ่ม OLED TV, Android TV และ AI TV ที่รับคำสั่งเสียงภาษาไทยได้ (รองรับ Google Assistant) รวมถึงมีการทุ่มงบด้านการตลาด 50 ล้านบาทในสื่อหลัก ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย OOH (สนามบินสุวรรณภูมิ) และสื่อในโรงหนัง ส่วนช่องทางการจำหน่าย ได้มีการขยายไปสู่ช่องทางต่าง ๆ เช่น Power Buy, Power Mall และ Tesco Lotus ด้วย
เมื่อทีวีประสบความสำเร็จ Home Appliance จะตามมา
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอีกข้อหนึ่งก็คือ การปูฐานทีวีของ Skyworth ให้แข็งแกร่งในปีนี้ จะนำไปสู่การเปิดตลาด AIoT หรือบรรดา Home Appliance อัจฉริยะซึ่งเป็นอีกขาหนึ่งของ Skyworth ได้อย่างสะดวกในปีหน้า (2020)
สำหรับ AIoT ที่ Skyworth จะนำมาเปิดตลาดในไทยเป็นอันดับต้น ๆ คือตู้เย็น และเครื่องซักผ้าอัจฉริยะ ที่สามารถสั่งการได้ผ่านระบบไวไฟ รวมถึงบรรดาอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าในครัวด้วย โดยมองว่า การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการจับกลุ่มคนรุ่นใหม่รักความไฮเทค – สะดวกสบายในชีวิตจะเป็นตัวช่วยผลักดันยอดขายได้อย่างแน่นอน และนั่นจะทำให้ Ecosystem ด้านบ้านอัจฉริยะที่ใครหลายคนฝันอยากได้เป็นจริงอย่างที่เคยฝันเสียที
งานนี้ใครที่อยากให้กำลังใจ Toshiba – Skyworth อยู่นั้น ปี 2024 ลองมาลุ้นกันอีกทีว่าบริษัทจะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายทีวีเบอร์ 3 ของประเทศไทยอย่างที่ประกาศไว้ได้หรือเปล่า