เพราะเป็นคนที่อะไรแล้วต้องปัง ต้องเป็นกระแสอยู่เสมอ สำหรับ คุณวู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายครีเอทีฟ (Chief Creative Officer) บริษัท วู้ดดี้ เวิลด์ จำกัด หลังจากที่ปลายปีก่อน ได้ออกมาประกาศแผนพัฒนา Business Model ใหม่ๆ เพื่อมาเติมเต็มและเสริมแกร่งให้อาณาจักร Woody World กับเป้าหมายที่ต้องการขยับเข้าสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์มให้ได้แบบ 100%
เมื่อเจาะลึกไปที่โครงสร้างธุรกิจของ Woody World จะพบว่า บริษัทมีแหล่งรายได้สำคัญมาจาก 2 ส่วนใหญ่ คือ ส่วนของอีเวนท์ ที่รายได้กว่า 80% ในส่วนนี้มาจาก Music Platform โดยมีแบรนด์สำคัญอย่าง S2O เทศกาลดนตรีที่จัดต่อเนื่องมา 5 ปีก่อนจะขยายแพลตฟอร์มไปยังต่างประเทศ ส่วนอีก 20% มาจากสาย Health & Fitness ภายใต้ชื่อแบรนด์ Fit Fest
ในวันนี้ คุณวู้ดดี้ ต้องการเปลี่ยนภาพแบรนด์ Fit Fest จากงานอีเวนท์ ไปสู่ HEALTH & WELLNESS PLATFORM โดยตั้งเป้าที่จะเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ในประเทศไทยภายในปี 2022 เมื่อสำเร็จแล้วจะขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศในกลุ่ม 5 ประเทศอาเซียนภายในปี 2025 ในลักษณะเดียวกับการขยายแบรนด์ S2O
รุกแพลตฟอร์ม HEALTH & WELLNESS
คุณอัครพล จับจิตรใจดล กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการหน่วยงาน Fit Fest บริษัท วู้ดดี้ เวิลด์ จำกัด บอกว่า การจัดงาน Fit Fest ช่วยสร้าง Engagement ได้เป็นอย่างดี จนเกิดเป็น Community ที่แม้ว่างานจะจบลงไปแล้ว แต่ยังมีการสื่อสารกับแฟนๆอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแฟนเพจ Fit Fest มีผู้ติดตาม 261,000 คน สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมและกระแสการออกกำลังกายที่ยังเป็นที่นิยมต่อเนื่อง
สำหรับการจัดงาน Fit Fest ครั้งที่ 3 นี้ วู้ดดี้เวิลด์ได้ร่วมมือกับทางเซ็นทรัลเวิร์ล ใช้พื้นที่ทั้งในส่วนของลานกิจกรรมด้านนอกและภายในห้างบริเวณชั้น 1 , 2 และ 3 รวมพื้นที่ 6,000 ตร.ม. เพื่อรองรับกับกิจกรรมใหม่ๆ และจำนวนคนที่จะเข้าร่วมงาน ทั้งคนทั่วไป คนที่มาเดินห้าง คนเดินถนนผ่านไปมา ให้สามารถเข้าถึงและมองเห็นกิจกรรมได้ง่ายขึ้นทั้งนี้คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นจาก 2 หมื่นคนเป็น 1 แสนคน โดยคำนวณจากค่าเฉลี่ยที่มีคนมาเดินเซ็นทรัลเวิร์ลราวๆ 1.5 แสนคนต่อวัน
ความพิเศษในปีนี้ทางเซ็นทรัลเวิร์ลเองก็ต้องการที่จะโปรโมทห้างฯ ในฐานะ Destination ของคนออกกำลังกายด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือจะมีการจัดงาน Fit Fest ทั้งที่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อที่จะขยายตลาดคนที่รักสุขภาพและการออกกำลังกายให้ใหญ่ยิ่งขึ้น
สำหรับโครงสร้าง HEALTH & WELLNESS PLATFORM ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก แต่สิ่งที่สำคัญคือเน้นการสื่อสารแบบตอกย้ำในทุกช่องทาง ผ่านกลยุทธ์ Experiential Marketing เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสายเฮลท์และสายฟิต เข้ามามีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ Fit Fest ได้ในทุกๆช่องทางและทุกๆกิจกรรม ได้แก่
- FIT FEST EVENT ในคอนเซปท์สวนสนุกแห่งการออกกำลังกายที่ใหญ่และมันส์ที่สุด ที่รวม 100 ร้านค้า จากโซนช้อปปิ้ง สินค้าแฟชั่นกีฬา แบรนด์ฟิตเนส และอาหารสุขภาพ
2. FIT FEST CHANNEL ที่นำเสนอคอนเทนต์ความน่าสนใจของเทรนเนอร์ หรือครูสอนออกกำลังกาย อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ปล่อยของด้านแฟชั่น การออกกำลังกาย ผ่านบุคคลที่น่าสนใจ เพื่อเป็นไอเดียให้กับผู้ชม
3. รายการออนไลน์ เช่น รายการ Reality คนแปลงร่าง ติดตามชีวิตภารกิจคนแปลงร่าง ที่มีทั้งออนไลน์บน Facebook และรายการสดที่ออกอากาศผ่านทางช่อง Workpoint TV
เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กระเป๋าหนัก พร้อมเปย์เพื่อสุขภาพ
คุณวู้ดดี้ ยังบอกต่อว่า ในการสร้าง Fit Fest ให้เป็นแพลตฟอร์ม จะเป็นส่วนที่เข้ามาช่วยขยายมูลค่าของตลาดให้ใหญ่ขึ้นด้วย
“เราไม่ได้ต้องการที่จะสร้างยิม หรือสร้างคลาสออกกำลังกายแข่งกับใคร แต่เป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า แบรนด์ใหญ่ ไปจนถึงยิมขนาดเล็ก เพื่อผลักดันให้ตลาดนี้กว้างใหญ่ขึ้น”
และจากการเก็บข้อมูลผู้เข้าร่วมงาน Fit Fest ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เป็นสายฟิตที่มีอายุระหว่าง 25-35 ปี และมีสัดส่วนเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 60 : 40
นอกจากนี้ยังพบว่าในด้านการใช้จ่ายสำหรับค่าอาหารและการสินค้าเพื่อสุขภาพ ลูกค้าทั่วไปจะใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 – 1,500 บาทต่อเดือน สำหรับค่าเมมเบอร์ชิพที่ฟิตเนส แต่ลูกค้าสายเฮลท์และสายฟิต จะยอมเสียเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อสินค้าสุขภาพและเสื้อผ้าแฟชั่น โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-15,000 บาทต่อเดือน
ในส่วนนี้ คุณวู้ดดี้ ได้แชร์ให้ฟังว่า ตัวเขาเองมีค่าใช้จ่ายที่ใช้สำหรับการดูแลสุขภาพและออกกำลังกาย ที่รวมค่าเวลาเข้าแล้ว จะจ่ายอยู่ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว
“สำหรับผมจะจ้างเทรนเนอร์ ก็ต้องเบอร์ 1 เท่านั้น อุปกรณ์ เสื้อผ้าแฟชั่น สำหรับออกกำลังกายก็ต้องมาแบบจัดเต็ม เพื่อรองรับการออกกำลังทุกประเภท ทั้งเวทเทรนนิ่ง ขี่จักรยาน วิ่ง ที่ต้องสลับเปลี่ยนไปในแต่ละวันเพื่อให้เหมาะสมกับร่างกาย”
อย่างไรก็ตาม คุณวู้ดดี้ บอกว่า เป้าหมายสูงสุดของ FIT FEST ไม่ใช่แค่ยอดฟอลโล ยอดวิว หรือยอดผู้ร่วมงาน แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยได้หันมาดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ FIT FEST พัฒนาสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่จะมีกิจกรรมหลากหลายมิติ เพื่อให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมและฟิตไปด้วยกัน