หลังเผยวิสัยทัศน์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอย่างชัดเจน พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่ม Beauty and Wellness Retailer โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ Shopping Experience ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ทำให้เริ่มเห็นทิศทางการขับเคลื่อนของวัตสัน ประเทศไทย ที่สอดคล้องไปกับทิศทางที่เคยประกาศดังกล่าว โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ในธุรกิจ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ให้กับทุกช่องทางขายที่มีอยู่ได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการเชื่อมต่อประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบ Seamless ท่ีไร้รอยต่อระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เห็นการโฟกัสของวัตสันมาตั้งแต่ปีก่อนหน้า เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล โดยในปีนี้วัตสัน ประเทศไทยก็ยังคงเน้นกลยุทธ์เดิม พร้อมยกระดับความสำคัญเพิ่มมากยิ่งขึ้น หลังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของข่องทางออนไลน์ รวมทั้งการตื่นตัวของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าจากช่องทางดังกล่าว ทำให้ยอดขายจากช่องทางออนไลน์ในปีที่ผ่านมาโตได้เกือบ 2.5 เท่า
ในส่วนของสโตร์ซึ่งถือเป็นช่องทางหลักที่สามารถเติมเต็มในเรื่องประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้มากที่สุดนั้น ได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์ร้านรูปแบบใหม่ล่าสุดชื่อ G8 นับเป็นรูปแบบร้านในเจนเนอเรชั่นที่ 8 ของวัตสัน โดยมาพร้อมกับการนำเทคโนโลยีเสมือนจริง หรือ AR เข้ามาใช้เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าด้วยประสบการณ์รูปแบบใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
เพิ่มตู้ขายอัตโนมัติ จับเทรนด์ On the go
เทรนด์ On the go ยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่วัตสัน ประเทศไทยมองเห็นจากไลฟ์สไตล์ที่เด่นชัดของผู้คนในยุคนี้ ด้วยพฤติกรรมที่เร่งรีบ และเวลาที่จำกัด เป็นโอกาสที่จะเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการที่ยังเป็นช่องว่างในตลาดอยู่ ผ่าน Movement ล่าสุด ด้วยการเพิ่มช่องทางขายใหม่ ในรูปแบบตู้ขายของอัตโนมัติ และเลือกวางในตำแหน่งที่เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางของผู้คนในปัจจุบัน คือ บนสถานีรถไฟฟ้า BTS นั่นเอง
สำหรับสินค้าตัวแรกที่จะวางขายผ่านตู้จำหน่ายสินค้าของวัตสันในเบื้องต้นนี้ เป็นหนึ่งในสินค้าที่ขายดีของวัตสันอย่าง Watsons HA Mask โดยจะวางขายผ่านตู้ขายของอัจฉริยะ BlueMart ที่ตั้งอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้า BTS รวม 13 สถานี อาทิ สถานีบางจาก ทองหล่อ ช่องนนทรี พญาไท อารีย์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้ซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องรอร้านเปิดหรือไม่ต้องเดินทางเข้าไปในช็อป แต่สามารถซื้อได้ระหว่างการเดินทางพร้อมทั้งยังรับสินค้าได้ทันที
โดยกลุ่มเป้าหมายที่ตู้จำหน่ายสินค้าของวัตสันต้องการเข้าถึงนั้น จะเป็นกลุ่มผู้หญิงรุ่นใหม่ และสาวออฟฟิศ วัยทำงาน โดยมาพร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษเพื่อให้เกิดการตอบรับได้มากยิ่งขึ้น กับวัตสัน อินเทนซ์ แคร์ เอชเอ มาสก์ 4 สูตร โดยเฉพาะสูตรสเนล ราคาพิเศษ 40 บาท ซื้อ 1 แถม 1 ตลอดเดือนมิถุนายน 2562 นี้
เห็นได้ว่าการเพิ่มช่องทางขายผ่านตู้จำหน่ายอัจฉริยะของวัตสัน ประเทศไทย นับเป็นการยกระดับประสิทธิภาพของช่องทางขายดิจิทัลให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะแม้ป้จจุบันลูกค้าจะสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องรอเวลาให้สินค้ามาส่ง แต่การซื้อผ่านตู้จำหน่ายอัจฉริยะเช่นนี้ จะเป็นรูปแบบ Grab and Go ที่เมื่อซื้อแล้วจะสามารถได้รับสินค้าที่ต้องการได้ทันที
ย้ำภาพ Mask Destination
ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขายแผ่นมาส์กหน้า (Mask Sheet) หนึ่งในสินค้าไฮไลท์ที่วัตสันต้องการโฟกัสและผลักดันให้มีปริมาณการใช้เพิ่มสูงมากขึ้น จนกลายเป็นสินค้าที่ลูกค้าสามารถใช้ได้ในทุกๆ วันเช่นเดียวกับในต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณนวลพรรณ ชัยนาม Customer Director วัตสัน ประเทศไทย เคยกล่าวถึงการกลยุทธ์ในการผลักดันยอดขายสินค้าในกลุ่ม “มาสก์” ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าสามารถใช้ได้ทุกวัน (Everyday- Use) ด้วยการจับเอาจุดเด่นของสินค้ากลุ่มนี้ว่ามีนวัตกรรมมากมาย ทั้งฟอร์แมทและเบเนฟิทหลากหลายสามารถขยายตลาดในเมืองไทยให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ แม้ยอดขายมาส์กจะเติบโตได้ค่อนข้างดี แต่ยังมีปริมาณการใช้ของผู้บริโภคคนไทยในอัตราที่น้อยอยู่ เมื่อเทียบกับผู้ใช้ในต่างประเทศที่ใช้ทุกวัน ทำให้ยังมีช่องว่างทางการตลาดให้เติบโตได้อีกมาก ซึ่งการเพิ่มช่องทางขายให้มาส์กในรูปแบบตู้ขายอัจฉริยะจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับตลาดสินค้าในกลุ่มนี้ได้มากขึ้น รวมทั้งสร้างความแข็งแรงให้กับสินค้า Own Brand ของวัตสันที่เติบโตได้ดีไม่น้อยกว่า 20% และตั้งใจจะเพิ่มสินค้าในกลุ่มนี้เข้ามาทำตลาดให้มากยิ่งขึ้น โดยที่ “มาสก์” ก็ถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นเดียวกัน และเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะเข้ามาช่วยตอกย้ำภาพจำของวัตสันให้กับผู้บริโภคในฐานะ Mask Destination อีกด้วย
สำหรับช่องทางขายต่างๆ ที่วัตสันมีอยู่ในปัจจุบันนั้น ในส่วนของ Physical Store มีแผนจะขยายเพิ่มเติมอีก 50 แห่ง หลังจากขยายสาขาแตะ 500 สโตร์ได้ ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปรับร้านมาสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ตามคอนเซ็ปต์ G8 ที่เติมเต็ม Shoping Experience ได้อย่างเต็มที่ และตั้งใจจะขยายให้ได้ 75 แห่งในปีนี้
ขณะที่ช่องทางโซเชียล มีเดีย ที่มีอยู่ในขณะนี้ประกอบด้วย Watsons LINE Official Account / Watsons Thailand Facebook Page และ Watsons Thailand Instagram ที่มียอดผู้ติดตามบนโลกออนไลน์รวมกันกว่า 7 ล้านราย ขณะที่มีจำนวนลูกค้าสมาชิกบัตรวัตสันอีกกว่า 5 ล้านคน รวมทั้งช่องทางใหม่ล่าสุดในรูปแบบตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ที่คาดว่าจะมีการเพิ่มจุดในการวางตู้ให้กระจายไปได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต เพราะนอกจากจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางขายที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว ยังเป็นการเพิ่ม Brand Touchpoint ให้เข้าใกล้ผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย