ว่ากันว่าในปีนี้ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนจะไม่โตแล้ว แต่จากรายงานของ “Pulse Market” เมื่อธันวาคม 2018 กลับพบว่า สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมในตลาดโลก ยังคงเติบโตสวนทางกับตลาดสมาร์ทโฟนโดยรวม ซึ่งติดลบ 2% เนื่องจากเจ้าตลาดอย่าง Apple , Samsung รวมไปถึงแบรนด์จีน Huawei , OPPO , Vivo และ One Plus ต่างเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่เพิ่มความหลากหลายให้เซ็กเมนต์ระดับพรีเมี่ยมมากขึ้น
ของแพง แต่ยอดขายพุ่งกระฉูด
โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนที่มีราคา 400 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป ถือเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตเร็วที่สุดถึง 18% ในปี 2018 เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ที่มีสัดส่วน 8% ของตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยม
แน่นอนว่าเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมยังคงเป็น Apple โดยข้อมูลล่าสุดจาก “Counterpoint” ระบุว่า ในปี 2018 Apple ครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 51% ตามมาด้วย Samsung ที่มีส่วนแบ่ง 22% ซึ่งลดลงจากปี 2017 ขณะที่แบรนด์จีนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดย Huawei เพิ่มจาก 8% เป็น 10% ขณะที่ OPPO เป็นแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 863% ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 6% เพิ่มขึ้นจาก 1% ในปีก่อนหน้า
ตลาดพรีเมี่ยม ยุคใหม่ของ OPPO
ปัจจุบัน OPPO มียอดผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วโลก 250 ล้านราย โดยวางจำหน่ายใน 40 ประเทศทั่วโลก และมีศูนย์วิจัย R&D 6 แห่ง และศูนย์พัฒนา R&D 4 แห่ง
ขณะที่ในประเทศไทย ข้อมูลจาก “Canalys” ระบุว่า OPPO ได้ครองเบอร์ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา คือ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2018 และไตรมาสที่ 1 ปี 2019 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ราวๆ 22% และมีส่วนแบ่งการในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมอยู่ 7%
อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าว เป็นส่วนแบ่งการตลาดที่เกิดขึ้นในในสมาร์ทโฟนเซ็กเมนต์ล่างหรือกลาง แต่จุดที่ยังอ่อนคือ “ตลาดพรีเมี่ยม” ทำให้ในปีนี้ OPPO ปักธงที่เจาะเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมมากขึ้น และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 10%
โดย คุณชานนท์ จิรายุกุล รองประธานกรรมการฝ่ายบริหารออปโป้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา OPPO ตั้งใจมากในการทำตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมให้สำเร็จ การเปิดตัว R17 Pro เมื่อไตรมาสที่ 4 ทำให้ OPPO กลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วสูงสุดในเซ็นเมนต์พรีเมี่ยม
ยิ่งพรีเมี่ยม ยิ่งต้องซูมมมมมมมมมมม!!!
ล่าสุด OPPO เปิดตัว “Reno Series” ในประเทศไทย โดยใช้งบการตลาดมากกว่า 100 ล้านบาท ถือเป็นงบการตลาดที่สูงกว่าทุกรุ่นที่เคยเปิดตัวมา ซึ่งสาเหตุที่ทุ่มงบมากเป็นพิเศษเพราะ OPPO ต้องการอุดช่องว่างที่ยังตามหลังคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมรุ่นราคาเกิน 2 หมื่นบาท ที่ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 1 แสนเครื่องต่อเดือนในตลาดรวม
สำหรับฟีเจอร์เด่นของ Reno Series คือ นวัตกรรมซ่อนกล้องแบบ “Pivot Rising Camera” ซึ่งสามารถเปิดใช้งานด้วยการสไลด์ขึ้นทำมุม 11 องศา พร้อมกลไกเก็บกล้องอัตโนมัติหากโทรศัพท์หล่น ที่ผ่านการทดสอบมากกว่า 200,000 ครั้ง มาพร้อมเทคโนโลยี 10x Hybrid Zoom ที่สามารถซูมได้ 10 เท่า โดยไม่สูญเสียรายละเอียด และรองรับการซูมขั้นสุดถึง 60 เท่า
“เดิมผู้บริโภคต้องการสมาร์ทโฟนเซลฟี่สวย แต่ตอนนี้เทรนด์เปลี่ยน ผู้บริโภคต้องการสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพซูมได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคตลาดบน ซึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน นอกจากจะคำนึงถึงเรื่องฟังก์ชั่นแล้ว ผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังต้องการสมาร์ทโฟนที่ใช้แล้วให้ความรู้สึกแตกต่าง ใช้แล้วรู้สึกภูมิใจ ส่วนราคาเป็นปัจจัยสุดท้าย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เราไม่คิดว่า Reno จะช่วยให้ OPPO ขึ้นเป็นเจ้าตลาดในทันที แต่สิ่งที่ต้องการ คือ การก้าวไปเรื่อยๆในแต่ละรุ่นเราต้องการก้าวให้สูงขึ้น”
“ความเชื่อ” โจทย์ใหญ่ของแบรนด์
นอกจากตัวเลขยอดขายแล้ว ในปีนี้ OPPO พยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูหรูหรามากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นว่า Branding ของ OPPO เติบโตในระดับโลกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ การสร้างแบรนด์โดยเข้าไปเป็นสปอนเซอร์รายการแข่งขันเทนนิสระดับโลกทั้งคอร์ดดินและคอร์ดหญ้า
ควบคู่ไปกับการชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยี ทั้ง AI , IoT และ 5G โดย OPPO เพิ่งประกาศวางจำหน่าย OPPO Reno 5G สมาร์ทโฟนรายแรกที่ใช้งาน 5G ได้แล้วในยุโรป เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยร่วมกับ Swisscom โอเปอร์เรเตอร์ท้องถิ่น พร้อมทั้งทุ่มงบอีก 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการวิจัยและพัฒนา R&D เพราะเชื่อว่านวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลก
สำหรับความท้าทายในการทำตลาดกลุ่มพรีเมี่ยมนั้น คุณชานนท์ มองว่า ความท้าทายหลัก คือ คู่แข่งในตลาดที่แข็งแรงมาก แต่เนื่องจากตลาดพรีเมี่ยมไม่ได้แข่งขันกันที่เทคโนโลยีหรือฟีเจอร์เพียงอย่างเดียว แม้จะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมี แต่สิ่งที่ผู้บริโภคมองหาจริงๆ คือ Branding ที่ OPPO ต้องทำให้ผู้บริโภค “เชื่อ” ว่าเป็นแบรนด์พรีเมี่ยม
“เรารายงานให้ทุกคนทราบมาตลอดว่าเราเป็นเบอร์ 1 ในตลาด แต่คนในเมืองใหญ่อาจจะไม่เชื่อ เพราะเขายังไม่มีฟีลลิ่งตรงนี้ จากการเราขาดเซ็กเมนต์บนไป ส่วนคนที่ใช้สมาร์ทโฟนระดับกลาง หรือลูกค้าในต่างจังหวัด เขาเชื่อทันที เพราะไปไหนก็เจอคนใช้ OPPO และเรามีทีมขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ”
คุณชานนท์ ยังบอกอีกว่า ในปีนี้เตรียมเปิดแฟล็กชิพสโตร์ จากปัจจุบันที่มี OPPO Brand Shop จำนวน 150 สาขาทั่วประเทศ พร้อมทั้งปรับปรุงหน้าร้านโดยจะมีการตกแต่งร้านใหม่ เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมมากขึ้น