เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้ง Huawei
เหริน เจิ้งเฟย ยอมรับ พิษสงครามการค้าจะทำให้ Huawei รายได้ลดลงแน่นอน โดยคาดว่าภายใน 2 ปีจะมีตัวเลขผลประกอบการลดลงราว 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นในเวทีเสวนาที่ใช้ชื่อว่า A Coffee With Ren โดยมีผู้ร่วมเวทีเป็นสองคนดังอย่าง Nicholas Negroponte ผู้ร่วมก่อตั้ง MIT Media Lab และ George Gilder นักเขียนและนักพูดชื่อดังด้านเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย
โดยเขายังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของยอดขายสมาร์ทโฟนในตลาดโลกนั้นแบรนด์ Huawei อาจมียอดขายลดลงถึง 40% ด้วย
ทั้งนี้ สิ่งที่เหริน เจิ้งเฟยยอมรับในเวทีเสวนาดังกล่าวก็คือ เขาไม่ได้คาดคิดว่าการกระทำของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะพุ่งเป้ามาที่ Huawei ตรง ๆ แบบนี้ พร้อมระบุว่า สิ่งที่บริษัทโดนกระทำนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ให้บริษัทใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ของบริษัทสัญชาติอเมริกา แต่ยังตัดสิทธิ Huawei ออกจากการเป็นสมาชิกองค์กรระดับสากล, ห้ามการจับมือกับสถาบันการศึกษา, ห้ามการเข้าถึงเน็ตเวิร์กที่มีการใช้อุปกรณ์สัญชาติอเมริกา ซึ่งถือเป็นการแบนที่รุนแรงมาก
“โลกตะวันตกเป็นผู้จุดกระแสโลกาภิวัฒน์ ซึ่งก็ถือเป็นก้าวที่เหมาะสมและถูกต้อง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในกระแส Globalization นั้นก็ได้สร้างคลื่นลูกใหญ่ให้เราต้องรับมือกับมันด้วยเช่นกัน”
อย่างไรก็ดี เหริน เจิ้งเฟย ได้แสดงความมั่นใจด้วยว่า ผลประกอบการของ Huawei จะตีตื้นกลับมาได้ภายในปี 2021 โดยเปรียบสิ่งที่บริษัทถูกกระทำว่าเป็นเหมือนเครื่องบินปีกหักที่ต้องการเวลาในการกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม
“ตอนนี้เราเหมือนเครื่องบินปีกหักที่ทำได้แค่เพียงรักษาห้องเครื่องและถังน้ำมันเอาไว้ แต่เราเชื่อว่า หากเราสามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้ เราจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นแน่นอน”
ส่วนผู้ร่วมเสวนาบนเวทีเดียวกันอย่าง Nicholas Negroponte ผู้ร่วมก่อตั้ง MIT Media Lab กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกากำลังทำอยู่นี้เป็นเรื่องที่ผิดพลาดมาก ๆ
“ความผิดพลาดอันดับแรกของรัฐบาลอเมริกันก็คือการเล่นงานแบบเจาะจงตัวบุคคล ซึ่งก็คือบริษัท Huawei อาจเป็นเพราะผมอยู่ในโลกที่ให้ความสนใจกับองค์ความรู้ที่เราจะสร้างเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลัง มากกว่าการค้า การลงทุน หรือเรื่องหุ้น ซึ่งโลกแห่งการสร้างองค์ความรู้นั้นเติบโตขึ้นได้ด้วยการร่วมมือและแบ่งปันซึ่งกันและกัน ไม่ใช่โลกที่แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย”
ด้าน George Gilder นักเขียนชื่อดังแสดงความเห็นว่า ท้ายที่สุดแล้วสหรัฐอเมริกาจะได้รับบทเรียนจากการกระทำนี้
โดยเขาเชื่อว่า ความเจริญที่สหรัฐอเมริกาได้มาในทุกวันนี้ก็มาจากการร่วมมือกันพัฒนากับประเทศอื่น ๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี พลังงานสะอาด ฯลฯ ดังนั้น การกระทำของสหรัฐอเมริกาที่พยายามตัดใครคนใดคนหนึ่งออกไปจะย้อนกลับมาทำร้ายประเทศอย่างแน่นอน