ไลฟ์สไตล์ยูทูบครีเอเตอร์จากช่อง BEARHUG ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2.8 ล้านคน “ซารต์–ปัทมพร (Sunbeary)” และ “กานต์–อรรถกร” พลิกความชอบสู่ธุรกิจชานมไข่มุกสุดฮิต ปั้นแบรนด์ “BEARHOUSE” ชูจุดเด่นเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อม พร้อมไข่มุกโมจิสูตรซิกเนเจอร์ผสมแป้งข้าวไทย ปั้นสดใหม่ทุกวัน ปักหมุดสยามสแควร์สาขาแรก! สร้างปรากฏการณ์เข้าคิวต่อแถวแบบถล่มทลาย เตรียมพัฒนาและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แย้มแผนเตรียมสยายปีกอีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 2 ปี
คุณปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด เจ้าของร้านชานมไข่มุก BEARHOUSE Fresh Boba Milk Tea ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เรียบง่ายแต่แตกต่าง” (Simple but Significant) เปิดเผยว่า ร้านชานมไข่มุก BEARHOUSE เกิดขึ้นจากความชอบทานชานมไข่มุก รวมถึงการมีอาชีพ
เป็นยูทูบครีเอเตอร์ (YouTube Creator) เจ้าของ Channel BEARHUG ซึ่งเป็นช่องที่นำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวและอาหาร ทำให้ได้มีโอกาสได้ไปรีวิว (Review) ชานมไข่มุกที่ประเทศไต้หวันแล้วรู้สึกติดใจและเกิดไอเดียว่าทำไมไม่ทำชานมไข่มุกแบรนด์คนไทยให้คนต่างชาติต่อแถวรอซื้อบ้าง จึงได้นำไอเดียนี้ไปพูดคุยกับหุ้นส่วน กานต์-อรรถกร จนนำมาสู่การร่วมลงทุนเปิดร้านชานมไข่มุก BEARHOUSE สาขาแรกที่สยามสแควร์ ริมถนนอังรีดูนังต์ ด้วยงบลงทุนเบื้องต้นประมาณ 8 ล้านบาท แบ่งการลงทุนหลักๆ ออกเป็น 3 ส่วน โดยในส่วนที่ 1 เป็นครัวกลางและเครื่องจักรเพื่อการผลิตไข่มุกสด รวมถึงการจัดเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ส่วนที่ 2 เป็นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และในส่วนที่ 3 เป็นการรีโนเวท ตกแต่ง และค่าอุปกรณ์ภายในร้าน
สำหรับสไตล์และรสชาติของเครื่องดื่มร้าน BEARHOUSE มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “เรียบง่ายแต่แตกต่าง”
(Simple but Significant) อร่อยกับเครื่องดื่มรสกลมกล่อมสูตรพิเศษ พร้อมไข่มุกโมจิซึ่งเป็นไข่มุกปั้นสดใหม่ทุกวัน สูตรเฉพาะที่ผสมผสานความเป็นไทย คิดค้นและทำเองด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่ผงแป้ง
ด้วยจุดเด่นคือ มีแป้งข้าวไทยเป็นส่วนประกอบ ทำให้ไข่มุกของ BEARHOUSE มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ให้รสชาติและสัมผัสที่แตกต่าง เคี้ยวนุ่ม หนึบหนับ มีกลิ่นโมจิ มีสีและรูปทรงตามธรรมชาติ มีความไม่กลมและมีขนาดเล็กกว่าไข่มุกทั่วไป โดยเมนูยอดนิยมของร้าน BEARHOUSE ได้แก่ ชานมไข่มุก นมน้ำตาลแดง ชาเขียวมัทฉะ และโกโก้ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.
“ร้าน BEARHOUSE เป็นเพียงน้องใหม่ของตลาดชานมไข่มุก การมีผู้เล่นที่หลากหลายจะช่วยสร้างสีสันใหม่ๆ ในตลาด ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่จะสนุกและอร่อยกับชานมไข่มุกได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้ BEARHOUSE มองว่าเราไม่มีคู่แข่งในการทำธุรกิจ แต่มองว่าร้านชานมทุกร้านเป็นพันธมิตรกับเรา มีร้านชานมไข่มุกอร่อยๆ เยอะแยะมากมาย บางร้านก็มีในสิ่งที่เราไม่มี และเราก็เป็นลูกค้าร้านอื่นด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ BEARHOUSE เริ่มต้นจากชานมไข่มุก ในแบบธรรมดาที่เรียบง่ายแต่มีความแตกต่าง โดยมีไข่มุก BEARHOUSE สูตรเฉพาะ เป็น Signature เนื่องจากเป็นไข่มุกโมจิที่เราปั้นสด เป็นไข่มุกสีขาว เนื้อจะหนึบๆ มีส่วนผสมของข้าวไทยคล้ายโมจิ ในขณะที่เครื่องดื่ม ไม่ได้เน้นรสชาติเข้มข้นกระแทกในคำแรก แต่เน้นทานได้เรื่อยๆ จนหมด เพราะความคิดเริ่มต้นมาจากการที่เราชอบกินชานมไข่มุกและอยากทำร้านชานมไข่มุกที่สามารถทานได้ทุกวัน ในอนาคต BEARHOUSE ก็จะมีอะไรใหม่ๆนอกจากชานมไข่มุกมาให้ติดตามกัน ซึ่งชานมไข่มุกเป็นเพียงก้าวแรกของความฝันเท่านั้น” ปัทมพร กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน คุณอรรถกร รัตนารมย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้จัดการทั่วไป บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “จากประสบการณ์ที่เราได้ไปรีวิวสถานที่เที่ยวสถานที่กินมามากกว่า 3 ปี ทำให้พวกเราซึมซับถึงความอร่อยของอาหารและขนมจากที่ต่างๆ มามากมาย โดยเฉพาะ “ซารต์–ปัทมพร (Sunbeary)” ซึ่งเป็นบุคคลเบื้องหน้าที่จะต้องชิมอาหารและถ่ายทอดออกมาให้คนดูได้รับรู้และเห็นภาพตาม ดังนั้นเมื่อเราคิดที่จะทำร้านชานมไข่มุก เราจึงต้องพิถีพิถันมากในการคิดค้นและพัฒนาสูตรไข่มุกที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งตอนนี้พวกเราก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากกว่าที่คาดไว้มาก โดยตอนนี้ทางร้านได้วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละวัน โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ BEARHOUSE เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายสาขาในรูปแบบ Full Scale ประมาณ 5 สาขา ภายในระยะเวลา 2 ปี”
ด้าน คุณภีรภัทร แจ้งยอดสุข ที่ปรึกษาการตลาด บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีก เพราะเมื่อเทียบกับตลาดร้านกาแฟสดในประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 17,000 ล้านบาทนั้น จะเห็นว่าตัวเลขยังห่างกันเกือบ 7 เท่าตัว และในปัจจุบันกระแสนิยมชาไข่มุกก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการที่มีผู้เล่นรายใหญ่ๆ เข้ามาในตลาดก็ยิ่งจะมาช่วยกันขับเคลื่อนตลาดให้โตขึ้นได้อีก โดยเรามองว่าเมื่อมีร้านชานมไข่มุกเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าก็จะมีทางเลือกที่มากขึ้น ทำให้ทุกร้านต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ มีอะไรใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ตลาดก็จะยิ่งน่าสนใจและนำไปสู่การเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนของการตลาดนั้น BEARHOUSE นั้นเน้นสร้างแบรนด์ด้วยการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยสร้างความแตกต่างด้วยไข่มุกที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยเริ่มทำงาน รวมไปถึงผู้ที่ชอบกินชาไข่มุก ซึ่งในช่วง Soft Opening ที่ผ่านมากระแสตอบรับที่ค่อนข้างดี มียอดขายเฉลี่ยประมาณ 700–800 แก้วต่อวัน โดยหลังจาก Grand Opening คาดว่ายอดขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 แก้วต่อวัน และคาดว่าในปี 2562 จะมีรายได้จากการขายประมาณ 15 ล้านบาท