จากที่หลายปีก่อนหน้านี้ แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของโลก Apple เคยมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก “บริการ” (Services) ให้เติบโตขึ้น เพื่อมาเสริมความมั่นคงของบริษัท และลดการพึ่งพารายได้จาก iPhone ให้ลดน้อยลง ล่าสุดดูเหมือนว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปี (เดือนเมษายน – มิถุนายน) นี้จะชี้ว่า Apple สามารถทำได้ตามที่ตั้งใจไว้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
โดยในไตรมาสนี้พบว่ารายได้รวมมีการเติบโตขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 53,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนรายได้จาก iPhone นั้น อยู่ที่ 26,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อนหน้าที่เคยทำไว้ 26,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขนี้กลายเป็นตัวเลขสำคัญ เพราะเป็นครั้งแรกที่ iPhone มีสัดส่วนรายได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดที่ Apple ทำได้ในไตรมาสนั้น ๆ แล้วนั่นเอง
ผลิตภัณฑ์ที่มีผลประกอบการโดดเด่นมากขึ้นในไตรมาสนี้ก็คือ บริการ (Services), iPad, Mac และ Wearables โดยในส่วนของบริการนั้นพบว่ามีมูลค่า 11,450 ล้านเหรียญสหรัฐ โตขึ้น 13% เมื่อเทียบกับผลประกอบการของปีก่อนหน้า ซึ่ง Apple อ้างว่าบริษัทมีผู้ใช้บริการแบบ Paid Subscriber มากถึง 420 ล้านรายทั่วโลก และเป็นการเติบโตในทุกภูมิภาค
จากการเติบโตนี้ ทำให้เป้าหมายที่ Apple ตั้งไว้ว่าจะทำให้รายได้จากบริการเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวภายในปี 2020 ใกล้จะเป็นจริงมากขึ้นด้วย
ส่วน iPad นั้นพบว่าทำยอดขายไปได้มากกว่า 5,023 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นจาก 4,634 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ Mac ทำไปได้ที่ 5,820 ล้านเหรียญสหรัฐ (ผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้โดดเด่นคือ MacBook Air และ MacBook Pro) หรืออุปกรณ์ Wearables นั้นก็ทำรายได้ให้ Apple ได้อย่างไม่อายใครที่ 5,520 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดย Tim Cook ซีอีโอ Apple เรียก “รูปแบบ” การเติบโตของผลประกอบการไตรมาสนี้ว่า มาจากความรักในแบรนด์ของบรรดาสาวก Apple เป็นสำคัญ รวมถึงผู้ใช้ในตลาดมือสอง ที่ Cook มองว่า จะหันมาให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น เนื่องจากตลาด iPhone มือสองก็ช่วยผลักดันรายได้จาก Services ให้ Apple ได้เช่นกัน
Apple ยังเผยด้วยว่า ปัจจุบัน การทำธุรกรรมผ่านบริการ Apple Pay นั้นมีมากกว่า 1 พันล้านทรานแซคชั่นต่อเดือนแล้ว ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปี 2018 เลยทีเดียว จากการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Tim Cook มองว่าเป็นจังหวะดีที่จะประกาศว่า Apple Card บัตรเครดิตสุดไพรเวซี่ของบริษัทก็ควรจะเปิดให้บริการได้แล้วเช่นกัน โดยผู้บริโภคจะสามารถใช้ Apple Card ได้ในเดือนสิงหาคมนี้ (ยังไม่มีการระบุวันที่ชัดเจน)
สำหรับข้อมูลของ Apple Card นั้น หากยังจำกันได้ในตอนเปิดตัวถือว่าเป็นเรื่องฮือฮามากกับการเป็นบัตรเครดิตที่สามารถทำแคชแบ็กได้แบบรายวัน นอกจากนั้น Apple ยังรับประกันว่า จะไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี หรือการคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในกรณีที่จ่ายคืนล่าช้า หรือใช้เกินลิมิต โดยที่ผ่านมา Apple Card มีการทดสอบใช้งานในหมู่พนักงาน Apple มาพอสมควรแล้วด้วย
Apple Card ยังถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับรุกธุรกิจทางการเงินในโลกยุคต่อไป ไม่ต่างจากที่ Facebook จะเริ่มรุกธุรกิจด้านการเงินผ่านเหรียญคริปโต Libra นั่นเอง