แม้กระแสเพลงฮิตติดหูอย่าง “คุกกี้เสี่ยงทาย” จะเบาบางลงไปแล้ว แต่ชื่อของ BNK48 ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปแห่งยุค ยังคงอยู่ใน “กระแส” เรื่อยมา จากการที่เราได้เห็นสมาชิกของวงขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์สินค้า ตั้งแต่น้ำอัดลม ไปจนถึงรถยนต์ มีคอนเทนต์บนออนไลน์ รวมไปถึงภาพยนตร์
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ “BNK48” มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น พวกเขายอม “ควักเงิน” เพื่อสนับสนุนไอดอล ทำให้จากปีแรกหลังการเปิดตัว ขาดทุนไป 40-50 ล้านบาท สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในปีที่ 2 โดยรายได้กว่า 50% มาจากเมอร์แชนไดส์ ตามด้วยคอนเทนต์ออนไลน์ 25% และสปอนเซอร์ชิพ 25%
“สิ่งที่ทำให้ BNK48 ประสบความสำเร็จ คือ ความต่อเนื่องและความหลากหลายของโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจ ล่าสุด ต่อยอดไปยังภาพยนตร์ Where We Belong ที่นำแสดงโดย มิวสิค และเจนนิษฐ์ เราต้องการให้แฟนคลับได้เห็นไอดอลในหลายแง่มุม นอกจากการเป็นนักร้อง นักเต้น และนี่คือสิ่งที่ทำให้คนยังพูดถึง BNK48 อยู่เสมอ”
เปิดแผนกระจายโมเดล BNK48 สู่ต่างจังหวัด
จากการที่ BNK48 ได้ไปเยือนแฟนคลับทั่วประเทศไทย ทำให้ คุณจิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานกรรมการบริหารบริษัท BNK48 Office จำกัด มองเห็นฐานแฟนคลับตามหัวเมืองที่หนาแน่นไม่น้อยกว่าในกรุงเทพ จากปรากฏการณ์ “ห้างแตก” ในทุกครั้งที่ไปเยือน นำมาสู่แผนการขยายความนิยมของวงสู่ตลาดภูมิภาค เช่นเดียวกับประเทศต้นฉบับอย่างญี่ปุ่น
โดยเริ่มเจาะภาค “อีสาน” ผ่านภาพยนตร์เรื่องที่ 2 “ไทบ้าน X BNK48” ที่จะเข้าฉายในช่วงปลายปีนี้ ก่อนจะปักหมุด “ภาคเหนือ” เป็นโมเดลแรก โดยเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปีของ BNK48 ได้ประกาศรับสมัครสมาชิกวง “CGM48” โดยสร้างทุกอย่างเหมือนที่กรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น ที่พักศิลปิน ศูนย์ฝึก โรงละคร ดิจิตอลไลฟ์สตูดิโอ คาเฟ่ ขายของที่ระลึก รวมไปถึงรองรับโชว์ของศิลปิน โดยวางงบลงทุนช่วง 3 ปีแรกที่ 100 ล้านบาท
“เหตุผลที่เลือกเชียงใหม่ จากการไปจัดงาน Music Event 14 ครั้ง พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และยังมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อีกทั้งเชียงใหม่ยังมีประชากรกว่า 1.7 ล้านคน เป็นอันดับ 1 ของภาคเหนือ และเป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยในปี 2018 มีนักท่องเที่ยวไทยกว่า 2 ล้านคน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 9 แสนคน โดยเฉพาะชาวจีน
คาแรคเตอร์สาวเหนือต้องชัด ต้องแตกต่าง BNK48
ทั้งนี้ CGM48 ได้เริ่มประกาศรับสมัครคัดเลือกรอบ Audition ไปแล้ว (ปิดรับสมัครในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้) โดยมียอดผู้สมัครกว่า 3,500 คน สิ่งที่น่าสนใจคือ ในจำนวนผู้สมัครทั้งหมด มีเด็กอายุ 12-14 ปีเข้ามาสมัครถึง 1,750 คน และมีชาวต่างชาติกว่า 100 คน และหลังจากนี้จะทำการคัดเลือก โดย CGM48 รุ่นแรกจะมีสมาชิกราว 30-50 คน และจะใช้เวลาฝึกฝนประมาณ 4-5 เดือน ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2020
ส่วนคนที่จะมาเป็นสมาชิกของ “CGM48” ได้นั้น นอกจากจะต้องมีเสน่ห์แล้ว จะต้องมีความสามารถหลากหลายด้าน เพราะเมื่อเข้ามาอยู่ในวงแล้ว ระบบจะทำให้สมาชิกทุกคนต้องทำตัวเองให้โดดเด่นและน่าสนใจ และวัดผลที่ความสามารถและความพยายาม เปรียบเสมือนสโมสรฟุตบอลที่แข่งขันว่าใครจะไปได้ไกลกว่ากัน
ล่าสุดได้ประกาศสมาชิกในวง BNK48 ที่จะย้ายไปร่วมวง CGM48 ด้วย ได้แก่ “ออม ปุณยวีร์” ซึ่งเป็นสาวเชียงใหม่อยู่แล้ว จะไปในตำแหน่ง “กัปตันวง CGM48” ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ เฌอปราง อารีย์กุล กำลังทำหน้าที่อยู่ในวง BNK48 และสมาชิกอีกคนได้แก่ “อิซึรินะ” จะรับตำแหน่ง “ชิไฮนิน หรือผู้จัดการวง” ที่จะดูแลภาพรวมของวงทั้งหมด รวมไปถึงเป็นสื่อกลางระหว่างแฟนๆ ถึงฝ่ายบริหารของวง
อย่างไรก็ตาม คุณจิรัฐ มองว่าแนวทางของ CGM48 จะไม่ทับซ้อนกับ BNK48 อย่างแน่นอน ด้วยการวางคาแรคเตอร์ของวงน้องใหม่ ให้เป็นสาวน้อยท้องถิ่นที่มีเสน่ห์ตามแบบฉบับสาวเหนือ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางที่อ่อนหวาน น้ำเสียงที่นุ่มนวล การใช้คำพื้นเมือง รวมถึงการสอดแทรกอัตลักษณ์ของคนเมืองเหนือ เช่น ชุดที่ทำจากผ้าพื้นถิ่น ท่าฟ้อนรำ เป็นต้น
คุณจิรัฐ กล่าวต่อว่า ผมยอมรับว่า การลงทุนครั้งนี้มีความเสี่ยง แต่จากบทพิสูจน์การเติบโตของ BNK48 ที่ผ่านมา เชื่อว่า CGM48 จะทำได้ดีเช่นเดียวกัน และจะคืนทุนภายในระยะเวลา 3 ปี ในอนาคตเรามีแผนที่จะขยายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงการมองไกลไปในระดับอาเซียนและเอเชียต่อไป