HomeDigitalไม่ต้องเถียงกัน “Coding แบบออฟไลน์” มีอยู่จริง และไม่ใช่ทุกสิ่งของโลกดิจิทัล

ไม่ต้องเถียงกัน “Coding แบบออฟไลน์” มีอยู่จริง และไม่ใช่ทุกสิ่งของโลกดิจิทัล

แชร์ :

กลายเป็นดราม่าในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียวสำหรับเรื่องของการฝึกทักษะเด็กไทยในด้านการ Coding ว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีอุปกรณ์ที่ชื่อ “คอมพิวเตอร์” ความจริงก็คือ การฝึกทักษะด้าน Coding ในระยะเริ่มต้นนั้นไม่จำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์ก็ได้ และเชื่อว่า บัณฑิตด้านไอทีเมื่อ 20 ปีก่อนหลายคนก็คงเคยเข้าห้องสอบด้วยการเขียนโค้ด หรือตอบเป็น Flow chart ลงบนกระดาษมาแล้วเช่นกัน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ด้วยเหตุนี้ การสอน Coding แบบออฟไลน์นั้นจึงยังมีอยู่ และยังสามารถใช้สอนได้จริง โดยอาจกล่าวได้ว่า การสอน Coding แบบออฟไลน์นั้นเหมาะกับ ทุกคนที่สนใจอยากเริ่มต้นเรียน เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะจับคนที่มีประสบการณ์เป็นศูนย์กับการเขียนคำสั่งต่าง ๆ มาเริ่มเขียนโปรแกรมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วคอมไพล์คำสั่งกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ดีไม่ดีพาลจะทำให้ท้อใจและเลิกเรียนกันไปก่อนเปล่า ๆ

มากไปกว่านั้น การ Coding แบบออฟไลน์ยังเหมาะกับเด็กด้วย โดยเราสามารถฝึกทักษะการ Coding ด้วยการให้เด็กลองแก้โจทย์ปัญหาที่เหมาะกับวัย ยกตัวอย่างโจทย์จากเว็บไซต์ coffeefueledclassroom.com นี้ก็ได้ค่ะ

จากโจทย์ดังกล่าว เด็กจะต้องพาตัวเอกไปหาทองคำให้ได้ โดยไม่ให้ชนกับก้อนหิน หรือถูกสัตว์ป่ากิน สิ่งที่เขาจะได้จากโจทย์ในลักษณะนี้ก็คือ การคิดแบบเป็นตรรกะว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะบรรลุเป้าหมายนั้น ๆ ที่สำคัญ วิธีการที่เด็กชาย A ได้มากับวิธีการของเด็กชาย B อาจจะต่างกันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตอบเหมือนกันตามรูปแบบเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคยในระบบการศึกษาไทย

เมื่อผู้เรียนฝึกทักษะการคิดแบบมีตรรกะนี้จนคุ้นเคย พร้อมกับค่อย ๆ เรียนวิธีการ “เขียนโปรแกรม” เช่น ทำความรู้จักกับคำสั่งรูปแบบต่าง ๆ และนำทั้งสองอย่างนี้มาใช้ร่วมกันในการแก้ปัญหาได้สำเร็จ ก็ถือว่าบรรลุผล ดังนั้น การเรียนเขียนโค้ดในระยะเริ่มต้นโดยไม่มีคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด

กระนั้น ความท้าทายของการเรียนด้าน Coding ในเด็ก ๆ อาจไม่ใช่อยู่ที่การมีคอมพิวเตอร์หรือไม่มีคอมพิวเตอร์เสียทีเดียว เพราะอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่สังคมแวดล้อม เช่น โรงเรียน ครูผู้สอน และพ่อแม่ผู้ปกครองว่าจะมองภาพการเรียน Coding ได้อย่างถูกต้องตามที่ควรจะเป็นหรือไม่ ไม่เช่นนั้น Coding ก็อาจกลายเป็นอีกหนึ่งวิชาที่น่าสลดใจ เหมือนที่เราเคยสลดใจมาแล้วกับการสอนภาษาไทยแบบ “โอ-คอ=โค” หรือ “เอ-ปอ-ออ=เปอ”

สิงคโปร์ฝึกทักษะดิจิทัลให้เด็กพิเศษ

นอกจากนั้น การเตรียมความพร้อมแค่ด้าน Coding อาจไม่ตอบโจทย์เด็กทุกคน เพราะในอีกด้านหนึ่งยังมีเด็กที่ไม่พร้อม เด็กที่เจ็บป่วย เด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้ ฯลฯ เด็กเหล่านี้ก็จำเป็นต้องมีทักษะในยุคดิจิทัลที่เหมาะสมกับชีวิตของตนเองเช่นกัน

ตัวอย่างของรัฐบาลสิงคโปร์นั้นน่าสนใจ เพราะมีรายงานว่า เด็กที่เป็นออทิสติกส์ หรือผู้ที่มีความต้องการพิเศษอื่น ๆ นั้น จะได้ฝึกทักษะดิจิทัลที่จำเป็น 4 ด้านเอาไว้ติดตัว นั่นคือ

  • – การเสิร์ชหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
  • – การทำ e-Payments
  • – การใช้ email
  • – การแชทผ่านแอปพลิเคชัน

นอกจากนั้น พวกเขายังได้เรียนรู้วิธีการตั้งพาสเวิร์ดให้ปลอดภัย การวิเคราะห์ว่าข่าวใดเป็น Fake News การป้องกันตัวจาก Cyber Bullying และการใช้ SingPass เพื่อเข้าถึงบริการและสวัสดิการต่าง ๆ ที่ทางรัฐบาลเตรียมไว้ให้ด้วย

เหล่านี้น่าจะเป็นทักษะดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับเด็กไทยไม่แพ้กัน

Source

Source


แชร์ :

You may also like