หลังจากอยู่ภายใต้ชายคาของ “AIS” มาได้ 1 ปี ล่าสุด “CS Loxinfo” ประกาศ Repositioning ตัวเองเป็น “CSL” นำเสนอ One Stop ICT Service แบบครบวงจรสำหรับลูกค้าองค์กร มาพร้อมกับโลโก้ใหม่ ที่นำสีส้มและสีเขียวมาใช้ เพื่อให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง ทันสมัย และจดจำง่ายมากกว่าเดิม
จาก CS Loxinfo สู่ CSL
ก่อนหน้านี้ CS Loxinfo เป็นผู้นำบริการด้าน ICT ไม่ว่าจะเป็น Data Center & Cloud Solutions, Managed Services และ System Integration สำหรับลูกค้าองค์กร มายาวนานกว่า 25 ปี ปัจจุบัน CSL มีลูกค้าองค์กรอยู่ในมือราว 5,000 ราย ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ สายการบิน การเงิน กลุ่มธนาคาร
หลังจากที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เข้าซื้อกิจการของ CS Loxinfo อันเป็นการส่งสัญญาณเดินหน้าเจาะตลาดลูกค้าองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ และถือเป็นการต่อจิ๊กซอว์ของทั้งสองบริษัทให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
โดย CS Loxinfo เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ AIS ใน 3 บริการหลัก ได้แก่ Data Center, Cloud รวมถึงบริการ ICT Service ซึ่งเมื่อนำทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัทมาร่วมให้บริการ Managed Network , Managed ICT Services สามารถให้บริการ Cloud ได้แบบ End-to-End Single Service Provider อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ ทั้ง Cloud Infrastructure, Platform, Software, Network, Security ไปจนถึง Managed Services
ในการประกาศ Repositioning ครั้งนี้ CSL ต้องการขึ้นสู่ผู้นำด้านผู้ให้บริการ “One Stop ICT Service แบบครบวงจร” โดยจะขยายไปสู่ฐานลูกค้าองค์กรของ AIS ที่ปัจจุบันมีจำนวนถึง 1.1 แสนราย
ดร.สมชาย กิตติชัยกุลกิจ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ ซีเอสแอล กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ CSL ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าองค์กรในแต่ละธุรกิจเป็นอย่างดี จากการมี Peopleware หรือบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถมองเห็นปัญหาของลูกค้าได้รวดเร็ว พร้อมเข้าไปแก้ไขได้ทันที และตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุด
ในการผสานเข้ากับบริการของ AIS Business ที่มีความแข็งแกร่งด้าน Digital Infrastructures ไม่ว่าจะเป็นระบบโครงข่ายของ AIS ที่มีขนาดใหญ่และครอบคลุมทั่วประเทศไทย นวัตกรรมด้าน Internet of Things (IoT) จะช่วยให้สามารถนำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจองค์กรได้ดีขึ้น ไปจนถึงปริมาณแบนด์วิธทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การเชื่อมต่อไปยังบริการ Cloud ชั้นนำนั้นสามารถทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
ชูกลยุทธ์ 3Ss
ทั้งนี้ CSL ยังคงพัฒนาจุดแข็งของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรธุรกิจมีทางเลือกในการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของผู้ให้บริการได้ตามความต้องการ และความสามารถในการให้บริการทางด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุม ที่จะดำเนินการผ่าน 3 กลยุทธ์ของ CSL ที่เรียกว่า 3Ss อันเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจ CSL ต่อจากนี้ ประกอบด้วย
- S-Data Center & Cloud Solutions
ที่จะให้บริการ Data Center และ Cloud Solutions แบบ customized ให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ปัจจุบัน CSL มี Data Center 9 แห่งทั่วประเทศไทย ครอบคลุมการให้บริการทุกภูมิภาค อีกทั้งยังเปิดกว้างให้เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโครงข่ายได้หลากหลาย (Carrier Neutral Provider) ไม่ว่าจะเป็น TOT, CAT, True, UIH, Jastel, Interlink, Symphony, ALT Telecom และ AWN
อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศผ่านบริการ CSL Thai-IX ซึ่งมีต้นทุนการเชื่อมต่อที่ต่ำกว่า แต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า ที่คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง
รวมถึงการผลักดันให้ธุรกิจองค์กรไทยนำ Cloud ไปใช้งานในธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ผ่านบริการ Hybrid Cloud Solutions ที่รวมความสามารถของ Private Cloud, Cloud On-premise และ Public Cloud เข้าด้วยกัน โดยร่วมมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำระดับโลก ทั้ง Microsoft Azure, VMware, AWS ทำให้ต้นทุนต่ำลง และยังสามารถขยาย Capacity ได้ตามต้องการ เพื่อรองรับโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ในอนาคต
- S-Managed Service
การให้บริการในรูปแบบ Managed Service สำหรับองค์กรธุรกิจ ที่ต้องการนำระบบ LAN/WAN, SD-WAN, Firewall, Data Center, Cloud On-Premise และ Cloud Services ไปใช้งาน โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูแล ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง หรือย้ายระบบตามความต้องการของลูกค้า โดยไม่ต้องลงทุนก้อนใหญ่ และไม่ต้องกังวลต่อประเด็นปัญหาด้านการขาดแคลนทรัพยากรบุคคล
- S-System Integration
จากการที่ CSL เป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการด้าน IT Solutions ระดับโลก สามารถเสนอโซลูชั่นครบวงจรแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Turnkey ทั้ง Computer Hardware, Software, Cloud Solutions, Security Solutions, อุปกรณ์สื่อสาร Network และ Cabling ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
เปิด Data Center อีก 2 แห่ง
ในปีนี้ CSL เปิด Data Center ใหม่ถึง 2 แห่งพร้อมกัน เพื่อรองรับความต้องการเช่าใช้งาน Data Center ของ CSL ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
The Cloud B ต่อยอดจาก The Cloud A สู่อาคาร The Cloud B ที่มีความจุมากกว่า 350 racks รองรับการขยายตัวของธุรกิจลูกค้าองค์กรและการเติบโตของเทคโนโลยี Cloud, AI, และ IoT การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูล ISO 27001 ตัวอาคารยังผ่านมาตรฐานการบริหารจัดการด้านพลังงาน ISO 50001 อีกด้วย
และอีกแห่ง TELLUS 2 เป็น Data Center ที่มีความจุสูงสุด 1,000 racks ออกแบบตามมาตรฐาน TIA-942A ให้เป็นแบบ Modular รองรับการขยายตัวของงานด้าน IT ตามความต้องการขององค์กรทุกขนาด มาพร้อมระบบ Facilities ต่าง ๆ ที่ออกแบบมาให้รองรับ Fully Fault-Tolerant จึงการันตีเสถียรภาพของการให้บริการ และ Service Availability ที่สูงสุด พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐาน ISO 20000, ISO 22301และ ISO 27001
หลังการ Repositioning ครั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้จากลูกค้าองค์กร 15,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้ของ CSL 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทเติบโตจาก 15% เป็น 20% ภายในปีหน้า โดยมีบริการ Cloud เป็นตัวทำรายได้สูงสุดให้กับบริษัท โดยในปีที่ผ่านมา Cloud เติบโตขึ้น 300%