HomeDigitalทำลายสถิติไปเลยมาร์ค! Facebook โดนปรับ 150,000 ล้าน จากกรณี Cambridge Analytica

ทำลายสถิติไปเลยมาร์ค! Facebook โดนปรับ 150,000 ล้าน จากกรณี Cambridge Analytica

แชร์ :

คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลาง สหรัฐอเมริกา(The Federal Trade Commission-FTC) สั่งปรับโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอันดับ 1 ของโลก Facebook เป็นจำนวนเงินถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยราว 150,000 ล้านบาท จากการใช้ข้อมูลของผู้ใช้อย่างไม่เหมาะสม ในกรณี Cambridge Analytica ซึ่งมีการประเมินว่ามีข้อมูลผู้ใช้งานถึง 50 ล้านรายที่ถูกนำไปใช้เชื่อมโยงกับการเลือกตั้ง

โดยมูลความผิดนี้เกิดขึ้นเมื่อเฟซบุ๊กละเมิดกฎข้อที่ว่า “ห้ามให้ข้อมูลผู้ใช้งานกับบุคคลที่สาม(Third Party) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของแอคเคานท์”

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การปรับในครั้งนี้ของ FTC ถือว่าเป็น “ค่าปรับ” ครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ที่หน่วยงานของรัฐบาลปรับองค์กรเอกชนเป็นจำนวนเงินมากที่สุด หรือเรียกได้ว่าอภิมหาศาล เพราะมันมากกว่าจำนวนที่เคยปรับในข้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัวมากถึง 20 เท่า 

นอกจากเรื่องเงินแล้ว Facebook ยังถูกขอให้ปรับระบบรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูล รวมทั้งขอให้เพิ่มตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อทำให้แน่ใจว่าบริษัทจะรักษาระเบียบต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน

Ime Archibong รองประธานฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ (Vice President of Product Partnerships) เขียนในบล็อกของเขาว่า “ภายใต้กรอบการทำงานที่ FTC เรียกร้องมานั้น เราจะสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส ด้วยการปรับปรุงโปรดักท์ของเรา และเราจะสร้างโปรดักท์ใหม่ที่มีมาตรฐานสูงขึ้น”

ข้อเรียกร้อง 6 ข้อของ The Federal Trade Commission ประกอบด้วย

1 เพิ่มความระมัดระวังในแอปพลิเคชั่นที่เชื่อมกับองค์กรอื่น (third-party apps)

2 ไม่ให้ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาและความปลอดภัย

3 แจ้งผู้ใช้งานให้ชัดเจน เมื่อจะใช้เครื่องมือตรวจจับใบหน้า (Facial Recognition)

4 ติดตั้งและดูแลระบบที่ช่วยป้องกันความปลอดภัยด้านข้อมูล

5 Encrypt พาสเวิร์ดของผู้ใช้งาน และช่วยสแกนหาพาสเวิร์ดที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงหรือเก็บไว้ในรูปแบบข้อความ (plain-text format)

6 แบนบริการที่ถามพาสเวิร์ด อีเมล์ เมื่อเข้าใช้บริการเฟซบุ๊ก

ทางด้าน Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ก็ออกมากล่าวอย่างชัดเจนว่า บริษัทของเขาได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อย่างมากเข้ามาดำรงตำแหน่ง Chief Privacy Officer แล้ว แต่ก็ไม่ระบุชื่อ

“เราคาดว่าจะใช้วิศวกรนับร้อยและทรัพยากรบุคคลมากกว่าพันคนเพื่อจัดการภารกิจสำคัญอันนี้ และเราคาดว่ามันอาาจะใช้เวลานานกว่าปรกติเพื่อสร้างโปรดักท์ใหม่ให้เป็นไปตามกระบวนการดังกล่าว” Mark กล่าว

Source

 


แชร์ :

You may also like