วันนี้ Facebook(เฟซบุ๊ก) ประกาศปิด Facebook Page ในประเทศไทย ทั้งสิ้น 10 เพจ บวกกับ 12 แอคเคานท์ผู้ใช้งาน ด้วยข้อสังเกตุที่มีงาน ฝ่ายนโยบายความปลอดภั
CIB คืออะไร – จับได้ยังไง
พฤติกรรมที่เข้าข่าย “พฤติกรรมร่วมกันในการสร้
ซึ่งทาง Facebook ใช้กระบวนการตรวจจับด้วยระบบ และทีมงาน โดยทีมงานนี้ประกอบไปด้วยฝ่ายกฎหมาย, ฝ่ายเทคโนโลยี และฝ่ายโปรดักท์ที่ทำงานผสานความร่วมมือกัน อีกทั้งยังมีหน่วยงาน Civil Society ที่ชื่อว่า Atlantic Council ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านวิธีการเขียนบทความ จนสรุปได้ว่า แอคเคานท์และเพจเหล่านี้มีพฤติกรรมที่ใช้เครือข่ายร่วมกันสร้างความเข้าใจผิดให้สังคม
และเมื่อสอบสวนต่อไปพบว่าพฤติกรรมทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกับกระบวนการหนึ่งที่ชื่อว่า News Eatern Outlook ซึ่งมีฐานการทำงานอยู่ที่รัสเซีย
นาธาเนียล ไกลเชอร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายความปลอดภั
“เรา Take Down(ปิดเพจ-แบนแอคเคานท์) เหล่านี้ เราไม่ได้ทำเพราะเนื้อหาที่เพจหรือบุคคลพวกนี้ทำ แต่เพราะรูปแบบพฤติกรรมที่พวกเขาทำกันอย่างเป็นเครือข่าย”
ในความเป็นจริง Facebook ดำเนินการตรวจจับและปิดเพจที่มีพฤติกรรมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดก็มีการปิดกลุ่มเครือข่ายที่มะนิลา ฟิลิปปินส์ กับที่พม่า และเมื่อตรวจจับเจอก็จะประกาศให้สื่อมวลชนกับพันธมิตรที่ทำงานด้วยรับรู้ผ่านทาง Facebook News Room ซึ่งเป็นบล็อกของเฟซบุ๊กเอง และเหตุผลที่ Facebook ต้องจัดการสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไทยในครั้งนี้ ก็เพราะนี่ การตรวจจับพบรูปแบบเครือข่ายดังกล่าวเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
เครือข่ายในไทย “ปั่นข่าว” เรื่องอะไร
รายละเอียดการตรวจจับในครั้งนี้มีทั้งหมด 4 กรณี อันแรกเป็นเครือข่ายที่ทำงานในประเทศไทย และเผยแพร่ข้อมูลในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา โดยเนื้อหาที่นำเสนอประกอบไปด้วย 4 เรื่องหลัก 1.การเมืองไทย 2.ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน 3.ข่าวการประท้วงในฮ่องกง 4. วิจารณ์กิจกรรมเกี่ยวกับประชาธิปไตยในประเทศไทย ทั้ง 10 เพจ และ 12 แอคเคานท์นี้มีจำนวนผู้ติดตามรวมราว 38,000 แอคเคานท์ และมีการใช้เงินบูสท์โพสต์ไปแล้วประมาณ 18,000 เหรียญสหรัฐ ถึงแม้ว่าจะเป็นจำนวนที่ดูไม่เยอะแต่ทางเฟซบุ๊ก ก็มองว่าไม่ว่าจะจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม ก็เป็นจำนวนที่ยอมรับไม่ได้ และเมื่อตรวจเจอก็จะต้องรีบหยุดยั้งพฤติกรรมดังกล่าว ก่อนที่จะเพิ่มความเสียหายให้กับสังคม สำหรับเครือข่ายนี้ เริ่มต้นเพจแรกเมื่อพฤษาคม 2010 แต่ในตอนนั้นอาจจะยังไม่มีพฤติกรรมเครือข่ายปั้นข่าวลวง ทางเฟซบุ๊กจึงยังจับอินไซต์ไม่ได้
เคสที่ 2 เป็นกระบวนการในรัสเซียแต่เผยแพร่ข้อความในยูเครน เคสที่ 3 ก็เป็นกระบวนการที่ดำเนินการในรัสเซีย และยิงคอนเทนต์เน้นที่แคว้นหนึ่งในยูเครน โดยทั้งสองกรณีนี้เน้นข้อความที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส่วนเคสสุดท้ายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในฮอนดูรัส โดยมีพฤติกรรมเขียนบทความเชิงบวกกับประธานาธิบดีฮอนดูรัส
จับได้แล้วไงต่อ
หลังจาก Facebook จับโป๊ะเครือข่ายเหล่านี้ได้แล้ว ก็จะป้อนข้อมูลพฤติกรรมให้ระบบช่วยตรวจสอบ เพื่อกันไม่ให้กระบวนการนี้แผลงฤทธิ์ได้อีกครั้ง รวมทั้งยังคงมีเจ้าหน้าที่ๆ เป็นมนุษย์คอยสอดส่อง โดยเน้นกระบวนการตรวจสอบในระดับโลกไม่ได้จำกัดกรอบแค่ประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น เพราะเคสที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่งก็จะเป็นกรณีศึกษาให้กับกรณีอื่นๆ
และการดำเนินการในด้านนี้ก็เป็นการสอบสวนในระยะยาวที่เฟซบุ๊กทำอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการลบ Fake Account ที่ทำอยู่ทุกวัน ส่วนการลบข้อความ Hate Speech หรือ ข้อความรุนแรงขัดกับมาตรฐานทางสังคมก็มีเครื่องมืออื่นๆ คอยตรวจสอบ