ในระดับโลก “Haier” นับว่าเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ยาวนานติดต่อกันมาถึง 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2551-2561) จากการจัดอันดับของสถาบันยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล แต่สำหรับตลาดประเทศไทย Haier ต้องเร่งสปีดเพื่อเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยให้ได้
ในปีนี้ Haier จึงบุกหนักเดินหน้าลุยขยายธุรกิจในประเทศไทยไปอีกขั้น ด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดพรีเมี่ยม พร้อมทั้งเตรียมรุกตลาด IoT และ Smart Home รวมไปถึงขยายไปสู่ธุรกิจร้านซักผ้าอัจฉริยะ 24 ชม. ในชื่อ “Smart Plus by Haier” ควบคู่ไปกับการสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ให้กับลูกค้า ผ่าน “Haier Brand Shop” เพื่อให้ผู้บริโภคในไทยเข้าถึงและคุ้นเคยกับแบรนด์มากขึ้น
ปีนี้เปิดตัว 3 เรือธง ดันตลาดพรีเมี่ยมโตต่อเนื่อง
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Haier ปรับทิศทางธุรกิจมาสู่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น เช่นเดียวกับแบรนด์หลายแบรนด์ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี โดย คุณจาง เจิ้งฮุน ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก Haier มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 40% หรือประมาณ 2,593 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศร้อน ส่งผลให้สินค้ากลุ่มทำความเย็นมีการเติบโตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศ เติบโตขึ้น 50% หรือประมาณ 1,544 ล้านบาท , ตู้เย็น เติบโตขึ้น 29% หรือ 434 ล้านบาท , เครื่องซักผ้า เพิ่มขึ้น 38% หรือ 323 ล้านบาท รวมถึงตู้แช่ ที่เพิ่มขึ้น 19% มีรายได้ 209 ล้านบาท และสินค้าชนิดอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น 9% มีรายได้ 84 ล้านบาท
จากยอดขายที่เติบโตดังกล่าว สะท้อนว่าแบรนด์ Haier เป็นที่ยอมรับแก่ผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยม ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนแล้ว 25% จากสินค้าทั้งหมดที่จำหน่ายอยู่ หรือมียอดขายประมาณ 1,250 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะยังคงขยายฐานลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น โดยสินค้าที่จะออกสู่ตลาดจะมีความหลากหลายมากกว่า 20 รายการ ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ตู้แช่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ โทรทัศน์ เครื่องน้ำอุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว อาทิ หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า และเตาแก๊ส ด้วยการชูจุดขายด้านคุณภาพ ดีไซน์ และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยซึ่งจะเป็นจุดแข็งของ Haier
“ในปีนี้จะเปิดตัว 3 สินค้าเรือธง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น เพื่อผลักดันสัดส่วนยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมี่ยมให้เพิ่มขึ้นเป็น 35-40% ภายในปี 2020 โดย Haier มีเป้าหมายชิงส่วนแบ่งการตลาดเครื่องปรับอากาศให้ได้ 10% หรือติด Top 3 ขณะที่ ตู้เย็น จะเพิ่มเป็น 8% เครื่องซักผ้า เพิ่มขึ้นเป็น 6-8%”
ลุยตลาดร้านสะดวกซัก “Smart Plus by Haier”
นอกจากนี้ Haier ยังมองเรื่องการต่อยอดธุรกิจจากสินค้าที่มีอยู่ เช่น กลุ่มสินค้าเครื่องซักผ้า โดยล่าสุดเปิดให้บริการ “Smart Plus by Haier” ร้านซักผ้าอัจฉริยะ 24 ชม. สาขาแรกที่ซอยมหาดไทย รามคำแหง เพื่อให้บริการซักและอบผ้าที่สามารถชำระเงินได้ทั้งเงินสด E-Payment ในพื้นที่ขนาด 50 ตารางเมตร ประกอบด้วยเครื่องซักผ้า 10 เครื่อง พร้อมทั้งเครื่องอบผ้า 10 เครื่อง ด้วยงบลงทุน 2 ล้านบาท
“ถามว่าทำไมเราจึงเข้ามาสู่ตลาดร้านซักผ้า เพราะเรามองเห็นโอกาสจาก LG ที่ทำมาก่อนหน้า นอกจากเครื่องซักผ้าที่มีอยู่แล้ว เรายังมองว่าอนาคตอาจนำตู้แช่ เข้ามาอยู่ภายในช็อปเดียวกันได้อีกด้วย เพื่อเสริมให้เป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์มากขึ้น ทั้งนี้ในปีแรกตั้งเป้าที่เปิดให้บริการ 10 สาขา ในทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น บริเวณชุมชน หรือตามแหล่งที่เห็นว่ามีความต้องการบริการดังกล่าว โดยโมเดลนี้ Haier จะนำเสนอต่อดีลเลอร์ในการประชุมครั้งที่จะถึง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถนำไปเปิดให้บริการได้ โดยวางรูปแบบของการขยายสาขาไว้ ทั้งบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง และการขายแฟรนไชน์”
ปัจจุบัน “ร้านสะดวกซัก 24 ชม.” กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น จากการที่ธุรกิจโรงแรมและคอนโดมิเนียมเพิ่มจำนวนสูงขึ้นในเมือง นอกจากแบรนด์ LG ที่เข้ามาสู่ตลาดนี้ในช่วง 1 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบันมีตัวแทน คือ “Cleanpro” ให้บริการแฟรนไชน์ร้านสะดวกซัก 3 แบรนด์ ได้แก่ CleanPro Express, Jumbo Wash และ iBu Sayang แล้ว ยังมีผู้ให้บริการรายอื่นๆ อาทิ 24 wash , Wash Coin , Wash Xpress เป็นต้น
ขณะเดียวกัน Haier ต้องการให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆมากขึ้น ในปีนี้จะเปิด “Haier Brand Shop” ย่านรัชดาฯ เพื่อจัดแสดงและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงเป็น Experience Center ให้ลูกค้าได้เข้ามาทดลองสัมผัสผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของ Haier อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
เมื่อโลกไป IoT – Smart Home ไทยก็ต้องไปเช่นกัน
คุณจาง กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ Haier จะรุกตลาดสินค้า IOT (Internet of Things) มากยิ่งขึ้น โดยมีแผนที่จะนำสินค้า IoT ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยจะเริ่มจากกลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศ รวมถึงมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าให้เป็นโซลูชั่นสำหรับสมาร์ทโฮม เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายผู้ใช้ ในการใช้งานส่วนต่างๆ ภายในบ้านมากขึ้น เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ เป็นต้น
สำหรับการเปิดตัวโซลูชั่นสมาร์ทโฮมในประเทศไทย เป็นไปในทิศทางเดียวกับ Haier Home Appliance ในระดับโลกที่ต้องการมุ่งไปสู่ตลาด IoT มากขึ้น ตามที่ประกาศไว้ในการประชุม Global Brand Forum เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
โดยทั้ง 7 แบรนด์ในเครือ ได้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าสมาร์ทโฮมมาเปิดตัวภายในมหกรรม “Appliances and Electronics World Expo 2019 (AWE 2019)” ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน รวมถึงโซลูชั่นบ้านอัจฉริยะครบวงจรเวอร์ชั่นอัพเกรด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Haier ที่ได้รับการออกแบบตามแนวคิด 4+7+N โดย 4 คือ รูปแบบการอยู่อาศัย ได้แก่ ห้องนั่งเล่นอัจฉริยะ ห้องครัวอัจฉริยะ ห้องน้ำอัจฉริยะ และห้องนอนอัจฉริยะ ส่วน 7 คือ โซลูชั่นสำหรับบ้านทั้งในส่วนของอากาศ น้ำ ความปลอดภัย การดูแลเสื้อผ้า ความบันเทิง สุขภาพ และข้อมูล ขณะที่ N คือความยืดหยุ่นของการปรับระบบภายในบ้านได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย
ก่อนหน้านี้ Haier ได้เข้าซื้อกิจการ CANDY แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากอิตาลี ทำให้ปัจจุบันบริษัทมี 7 แบรนด์หลักในเครือ ได้แก่ Casarte, Leader, GEA, AQUA, CANDY, Fisher&Paykel และ Haier โดยคุณจาง เชื่อว่า ด้วยศักยภาพของ 7 แบรนด์ที่มีทำให้ Haier สามารถหยิบผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม รวมถึงโซลูชั่นต่างๆ มานำเสนอต่อผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างตรงจุด.